
บลจ.อีสท์สปริง เปิดตัวกองทุนใหม่ “ES-NDQPIN-UH” และ “ES-NDQPIN”เน้นลงทุนหุ้นสหรัฐ Nasdaq -100 ไปพร้อมขายสัญญาออปชั่นเพื่อรับกระแสเงินสดสม่ำเสมอด้วยความผันผวนที่ต่ำกว่า Nasdaq-100 ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan ETFs (Ireland) ICAV – Nasdaq Equity Premium Income Active UCITS ETF เสนอขายระหว่างวันที่ 19-26 มีนาคม 2568 นี้
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ด้วยเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนมากขึ้น บลจ.อีสท์สปริงได้คัดสรรกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุน Nasdaq-100 Equity Premium Income ที่เน้นสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผลและค่าพรีเมียม(Premium) จากการลงทุนในหุ้นจากดัชนี Nasdaq-100 และขายสัญญา Options เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับโอกาสสร้างการเติบโตของพอร์ตการลงทุนระยะยาวและรับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ
นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นเป็นวิธีหนึ่งที่เพิ่มโอกาสสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี Nasdaq-100 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เช่น Apple, Microsoft, Amazon และ Google การลงทุนในดัชนีนี้มีความน่าสนใจเนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอซึ่งดัชนีนี้ประกอบด้วยบริษัทจากหลากหลายอุตสาหกรรมช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
สำหรับกองทุนที่เปิดใหม่ จะมี 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดอีสท์สปริง Nasdaq Equity Premium Income-Unhedged (ES-NDQPIN-UH) ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และกองทุนเปิดอีสท์สปริง Nasdaq Equity Premium Income (ES-NDQPIN) มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ด้วยมูลค่าโครงการกองทุนละ 5,000 ล้านบาท

โดยทั้ง 2 กองทุน มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan ETFs (Ireland) ICAV – Nasdaq Equity Premium Income Active UCITS ETF ในหน่วยลงทุนชนิด USD (dist) ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange) ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน บริหารจัดการโดย JPMorgan Asset Management (Europe) S.r.l. โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 19-26 มีนาคม 2568 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 บาท และมีการ รับซื้อหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Autoredemption)
กองทุนหลัก JPMorgan ETFs (Ireland) ICAV – Nasdaq Equity Premium Income Active UCITS ETF มีแนวทางการลงทุนประกอบด้วย ลงทุนในหุ้นสหรัฐราว 60 ถึง 90 บริษัท ที่มีถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกาหรือดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก โดยใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science Process) ในการพัฒนาแบบจำลองเพื่อช่วยในการคัดเลือกหลักทรัพย์รายตัวและการสร้างพอร์ตลงทุน เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ โดยมีเป้าหมายในการสร้างกระแสเงินสดจากเงินปันผลที่ได้จากหุ้นและพรีเมียมที่ได้จากออปชั่น
จากข้อมูลข้างต้นทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีไปพร้อมกับกระแสเงินสดที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ โดยในช่วงที่ตลาดขึ้นไม่มากหรือปรับตัวลดลง กลยุทธ์นี้อาจสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการลงทุนในหุ้น Nasdaq100 เพียงอย่างเดียว เนื่องจาก Premium ที่ได้รับจากการขายออปชั่นมีโอกาสทำให้ผลตอบแทนรวมดีขึ้น แต่กรณีที่ตลาดปรับตัวขึ้นแรง กลยุทธ์นี้อาจให้ผลลัพท์อาจสร้างผลตอบแทนได้น้อยกว่า Nasdaq100 เพราะการขายออปชั่น เป็นการจำกัดอัพไซด์ขาขึ้น (Potential Upside) เพื่อแลกมาด้วยกระแสเงินสดที่สูงขึ้น
สำหรับรายชื่อหุ้นที่กองทุนหลักถือครองสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.Apple สัดส่วน 8.91% 2.Microsoft สัดส่วน 7.80% 3.NVIDIA สัดส่วน 8.7% 4.Amazon.com สัดส่วน 6.56% และ 5. Alphabet สัดส่วน 5.60% โดยมีสัดส่วนการลงทุนรายอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. กลุ่ม Information Technology สัดส่วน 47.9% 2. กลุ่ม Consumer Discretionary 15.8% 3. กลุ่ม Communication Services 15.7% 4. กลุ่ม Health Care 5.8% และ 5.กลุ่ม Consumer Staples (ข้อมูล: J.P. Morgan Asset Management ณ วันที่ 31 มกราคม 2568)
“จุดเด่นของกองทุน ES-NDQPIN-UH และ ES-NDQPIN คือโอกาสในการสร้างการเติบโตไปพร้อมกับบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ด้วยความผันผวนที่ต่ำกว่าดัชนี Nasdaq-100 นอกจากนี้โอกาสรับกระแสเงินสดสูงจากหุ้นกลุ่มคุณภาพดี นอกจากนี้กองทุนหลักบริหารจัดการโดย JPMorgan Asset Management ซึ่งบริหารกลยุทธ์ Premium Income ที่เป็น Active ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ข้อมูล : Morningstar, category Derivative Income ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2566) นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมรวมไม่สูงเมื่อเปรียบกับกองทุนต่างประเทศอื่นๆ ที่มีการบริหารจัดการเชิงรุก ทำให้สร้างโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นในระยะยาว “นางสาวดารบุษป์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)
Tags: กองทุน, การลงทุน, ดารบุษป์ ปภาพจน์, บลจ.อีสท์สปริง