
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เปิดเผยวันนี้ (19 มี.ค.) ว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ส่งผลให้อุณหภูมิโลกในปี 2567 ทำสถิติสูงสุด เร่งการละลายของธารน้ำแข็งและน้ำแข็งในทะเล ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และผลักดันให้โลกเข้าใกล้จุดวิกฤตของภาวะโลกร้อน
จากรายงานสภาพภูมิอากาศประจำปีของ WMO พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีสูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.55 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติเดิมเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาไป 0.1 องศาเซลเซียส
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้บางพื้นที่จะมีอุณหภูมิลดลง แต่สภาพอากาศรุนแรงได้สร้างความเสียหายไปทั่วโลก ทั้งภัยแล้งที่ทำให้เกิดวิกฤตขาดแคลนอาหาร น้ำท่วม และไฟป่า ส่งผลให้ประชาชนกว่า 8 แสนคนต้องอพยพย้ายถิ่นฐาน ซึ่งนับเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 2551
อุณหภูมิในมหาสมุทรก็พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้นยังทำให้น้ำทะเลมีความเป็นกรดสูงขึ้นด้วย
ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งในทะเลยังคงละลายในอัตราที่รวดเร็ว ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลพุ่งสูงทำสถิติใหม่ โดยข้อมูลของ WMO ชี้ว่า ในช่วงปี 2558-2567 ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 4.7 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงปี 2536-2545 ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2.1 มิลลิเมตร
ด้านจอห์น เคนเนดี ผู้ประสานงานด้านวิทยาศาสตร์และหัวหน้าคณะผู้จัดทำรายงานของ WMO เตือนถึงผลกระทบระยะยาวจากการละลายของน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้
“การเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคขั้วโลกอาจส่งผลกระทบต่อระบบการไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรโดยรวม ซึ่งจะกระทบต่อสภาพภูมิอากาศทั่วโลก … ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ขั้วโลกไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่ขั้วโลกเท่านั้น”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)
Tags: อุณหภูมิโลก