
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงกว่า 1% ในวันอังคาร (18 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้หารือกันเกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 66.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 70.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ในวันอังคารว่า ปธน.ทรัมป์และปธน.ปูตินเห็นพ้องกันที่จะให้รัสเซียและยูเครนหยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของกันและกันเป็นเวลา 30 วัน และจะมีการเริ่มต้นเจรจาหยุดยิงเป็นวงกว้างขึ้นหลังจากนี้
ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ระบุว่า รัสเซียผลิตน้ำมันในปริมาณ 9.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ลดลงจากระดับ 9.8 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2565 และจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.6 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2559
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เตือนว่า มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโกชะลอตัวลง และจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันทั่วโลกด้วย
OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.1% และ 3.0% ในปี 2568 และ 2569 ตามลำดับ หลังจากมีการเติบโต 3.2% ในปี 2567 เนื่องจากการตั้งกำแพงภาษีในกลุ่มประเทศ G20 รวมทั้งความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชน และการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.593 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 มี.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน