จับตาประชุม BOJ หวั่นซ้ำรอย Black Monday ระวัง Unwind Yen Carry Trade ทุบตลาดคริปโทฯ

เมอร์เคิล แคปปิตอล ระบุว่า วันที่ 18 มีนาคมนี้ นักลงทุนทั่วโลกต่างให้ความสนใจการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ท่ามกลางปัจจัยกดดันเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น, ผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น, ค่าเงินเยนผันผวน และความกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดที่อาจซ้ำรอย “Black Monday” การประชุมครั้งนี้จึงถือเป็นจุดสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ.2008 การตัดสินใจนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์และสะท้อนถึงความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงเกินเป้าหมายของ BOJ ที่กำหนดไว้ที่ 2% โดยล่าสุด ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นถึง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าเป้าหมายของ BOJ ถึงสองเท่า

นอกจากนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาส 4 ปีที่แล้วเติบโตดีกว่าที่คาด โดย GDP ขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และทั้งปีก่อนเติบโต 2.8% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด เพิ่มขึ้น 3.2% สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ สถานการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ และมีแนวโน้มว่า BOJ อาจต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี (10-Year Bond Yield) ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 สะท้อนถึงมุมมองของตลาดที่คาดการณ์ว่า BOJ อาจเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ เมอร์เคิล แคปปิตอล ชี้ว่าปัจจัยที่ต้องจับตาคือความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BOJ อาจเป็นตัวเร่งให้เกิด Unwind Yen Carry Trade ที่เคยเป็นปัจจัยสำคัญนำไปสู่ Black Monday ในอดีต โดยหลักการของ Yen Carry Trade คือการกู้ยืมเงินเยนจากญี่ปุ่นที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำใกล้ 0% แล้วนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ก่อนหน้านี้ เงินทุนส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่สหรัฐฯ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 4-5% หรือถูกนำไปลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนสูงกว่า

การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงเมื่อ BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ต้นทุนของนักลงทุนที่ทำ Carry Trade จะพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ต้องลดสถานะการลงทุนโดยการขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่เพื่อนำเงินเยนไปชำระหนี้ ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงเผชิญแรงเทขายหนัก หากกระแส unwinding นี้รุนแรง อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดการเงินและกระทบต่อนักลงทุนที่ใช้เงินเยนเป็นแหล่งทุนในการซื้อสินทรัพย์เสี่ยง

ในช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว การ unwind Yen Carry Trade ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะคริปโทเคอร์เรนซี Bitcoin (BTC) ร่วงลงมาถึง 52,000 ดอลลาร์ และ Ethereum (ETH) ลดลงเหลือ 2,000 ดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ อาจเผชิญแรงกดดันจากกระแสเงินทุนไหลออก หากเกิดการ unwind ครั้งใหญ่ขึ้นอีก นักลงทุนอาจต้องเร่งขายสินทรัพย์เพื่อชำระหนี้ที่เป็นเงินเยน ซึ่งอาจกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐฯ อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 3 ครั้งในปีนี้ เพื่อลดแรงกดดันต่อตลาดการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตา โดยเฉพาะการประชุมของ Japan BOJ Policy Rate ในวันที่ 18 มีนาคม ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดทิศทางของนโยบายการเงินในประเทศญี่ปุ่น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มี.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top