
สหรัฐฯ รายงานการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ในฟาร์มสัตว์ปีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560 ขณะที่ประเทศยังคงเผชิญกับการระบาดของไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์อื่นที่ติดต่อสู่มนุษย์และส่งผลให้ราคาไข่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การแพร่ระบาดของไข้หวัดนกได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน และผลักดันให้ราคาสินค้าอาหารสูงขึ้น นอกจากนี้ การแพร่ระบาดไปยังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วัวนมในสหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลหลายประเทศกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดโรคระบาดครั้งใหม่
ทั้งนี้ สายพันธุ์ที่สร้างความเสียหายต่อสัตว์ปีกมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายในสหรัฐฯ คือ H5N1
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 มีอัตราการเสียชีวิตสูงในมนุษย์ โดยมีผู้เสียชีวิต 616 ราย คิดเป็น 39% ของผู้ติดเชื้อ 1,568 คนทั่วโลก นับตั้งแต่ตรวจพบครั้งแรกในจีนเมื่อปี 2556 อย่างไรก็ตาม WHO ชี้แจงว่า ไวรัสไข้หวัดนกทั้งสองสายพันธุ์ไม่มีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ง่าย
ด้านองค์การอนามัยสัตว์โลก (WOAH) รายงานเมื่อวันจันทร์ (17 มี.ค.) โดยอ้างอิงข้อมูลจากทางการสหรัฐฯ ว่า การระบาดล่าสุดของสายพันธุ์ H7N9 ในสหรัฐฯ ถูกตรวจพบในฟาร์มไก่พันธุ์เนื้อเพื่อการค้าจำนวน 47,654 ตัว ในเมืองน็อกซูบี รัฐมิสซิสซิปปี และได้รับการยืนยันเมื่อวันที่ 13 มี.ค.
ทั้งนี้ การรับมือกับไข้หวัดนกในสหรัฐฯ เผชิญอุปสรรคในช่วงแรกของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อหน่วยงานรัฐบาลกลางยกเลิกการชี้แจงต่อสภาคองเกรสและการประชุมกับเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพสัตว์ของแต่ละรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มี.ค. 68)
Tags: WHO, สหรัฐ, องค์การอนามัยโลก, ไข้หวัดนก, ไข้หวัดนก H7N9