
องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยในวันจันทร์ (17 มี.ค.) ว่า การที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศผ่านทางองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ส่งผลให้การจัดหายาต้านไวรัสเอชไอวี (HIV) ให้กับ 8 ประเทศต้องหยุดชะงัก และยาเหล่านี้อาจหมดลงในไม่ช้า
WHO ระบุว่า ยูเครน เฮติ เคนยา เลโซโท เซาท์ซูดาน บูร์กินาฟาโซ มาลี และไนจีเรีย อาจใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีจนหมดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO เตือนว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจทำให้ความก้าวหน้าตลอด 20 ปีที่ผ่านมาสูญเปล่า และอาจทำให้มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่มากกว่า 10 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิต 3 ล้านราย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความพยายามในการรับมือกับไวรัสเอชไอวี โรคโปลิโอ โรคมาลาเรีย และวัณโรค ได้รับผลกระทบจากการที่ปธน.ทรัมป์ระงับการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.
เครือข่ายห้องปฏิบัติการโรคหัดและโรคหัดเยอรมันระดับโลกของ WHO ซึ่งมีห้องปฏิบัติการกว่า 700 แห่งทั่วโลก กำลังจะต้องปิดตัวลงในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่โรคหัดกำลังกลับมาระบาดอีกครั้งในสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน การขาดแคลนเงินทุนอาจทำให้สถานพยาบาลในอัฟกานิสถานที่ได้รับการสนับสนุนจาก WHO ต้องปิดตัวลงราว 80% จากทั้งหมด
ณ วันที่ 4 มี.ค. สถานพยาบาล 167 แห่งต้องปิดตัวลงเนื่องจากขาดแคลนเงินทุน และหากไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สถานพยาบาลอีกกว่า 220 แห่งอาจต้องปิดตัวลงภายในเดือนมิ.ย.นี้
นอกจากนี้ WHO ยังมีแผนจะลดเป้าหมายการจัดสรรเงินทุนสำหรับปฏิบัติการฉุกเฉินจาก 1.2 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 872 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2569-2570
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มี.ค. 68)
Tags: WHO, ยาต้านไวรัส, เอชไอวี