โพลชี้ปชช.ส่วนใหญ่มองอภิปรายไม่ไว้วางใจวุ่นแน่ เชื่อมีข้อมูลเด็ดแต่ล้มรัฐบาลไม่ได้

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “จะได้อภิปรายแค่ไหน” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปกระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในสภา จากการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร

จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อความวุ่นวาย หากมีการประท้วงในสภาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 49.08 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายบ้าง รองลงมาร้อยละ 26.26 ระบุว่า จะไม่มีความวุ่นวายเลย และร้อยละ 24.66 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายมาก

เมื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าจะมีความวุ่นวายมาก และจะมีความวุ่นวายบ้าง (จำนวน 966 หน่วยตัวอย่าง)เกี่ยวกับความวุ่นวายในระหว่างการอภิปราย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 55.38 ระบุว่า จะมีความวุ่นวาย แต่ประธานในที่ประชุมจะควบคุมสถานการณ์ได้ รองลงมา ร้อยละ 24.53 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายมากจนกระทั่งต้องมีการพักการประชุมบ่อยครั้ง ร้อยละ 23.29 ระบุว่า จะมีการประท้วงกันจนการอภิปรายไปต่อไม่ได้

ร้อยละ 21.74 ระบุว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ และประท้วงด้วยการเดินออกจากห้องประชุม (Walk Out) ร้อยละ 20.50 ระบุว่าจะมีความวุ่นวาย จนกระทั่งประธานไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ร้อยละ 20.39 ระบุว่า จะมีการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ไม่เหมาะสมในสภา ร้อยละ 13.25 ระบุว่า จะมีความวุ่นวายมาก จนกระทั่งมีการรวบรัดขอปิดการอภิปรายและลงมติเลย ร้อยละ 4.45 ระบุว่า จะมีการต่อยตีกันเหมือนการประชุมสภาในต่างประเทศ และร้อยละ 3.00 ระบุว่า จะมีการปลุกม็อบนอกสภา

ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลของฝ่ายค้านในการอภิปรายที่อาจนำไปสู่การล้มรัฐบาลได้ พบว่าตัวอย่าง ร้อยละ 66.79 ระบุว่า จะมีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย แต่ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า จะไม่มีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย และไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ ร้อยละ 11.30 ระบุว่าจะมีข้อมูลสำคัญในการอภิปราย จนถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ และร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของฝ่ายค้านตามข้อเสนอของประธานสภาฯ ให้ถอนชื่อคุณทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.48 ระบุว่าฝ่ายค้านควรยืนยันตามญัตติเดิม และรอจนกว่าประธานสภาฯ ยอมบรรจุในวาระการประชุม รองลงมา ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรทำตามข้อเสนอเพื่อจะได้เปิดอภิปรายได้ ร้อยละ 10.08 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 9.16 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรขอถอนญัตติ และเลิกล้มที่จะอภิปราย ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกสภาฯ ร้อยละ 6.57 ระบุว่าฝ่ายค้านควรยืนยันตามญัตติเดิม และออกไปอภิปรายนอกสภาแทน และร้อยละ 4.27 ระบุว่า ฝ่ายค้านควรขอถอนญัตติและออกไปอภิปรายนอกสภาแทน

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปตามกำหนดการเดิมหรือมีการเปลี่ยนแปลง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.73 ระบุว่า จะเป็นไปตามกำหนดเดิม รองลงมา ร้อยละ 38.32 ระบุว่า จะมีการเลื่อนออกไประยะหนึ่ง ร้อยละ 4.43 ระบุว่า จะไม่มีการอภิปรายเกิดขึ้น และร้อยละ 2.52 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงนักการเมืองที่ประชาชนสนใจจะฟังในการเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีพบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.99 ระบุว่าเป็น นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร รองลงมา ร้อยละ 34.35 ระบุว่าเป็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และร้อยละ 11.83 ระบุว่าเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มี.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top