
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคและจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกชะลอตัวลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อเสนอการหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.67% ปิดที่ 66.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดที่ 69.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกจะมีปริมาณมากกว่าอุปสงค์ราว 600,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ พร้อมกับคาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.03 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากการคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว 70,000 บาร์เรล/วัน โดยระบุถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะทำให้เศรษฐกิจมหาภาคอ่อนแอลง รวมถึงความตึงเครียดด้านการค้า
สหภาพยุโรป (EU) ประกาศเรียกเก็บภาษีวิสกี้ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 50% เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากยุโรป ซึ่งการดำเนินการของ EU ส่งผลให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ผ่านทางแพลตฟอร์ม Truth Social ว่าจะรียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์และไวน์นำเข้าจาก EU สูงถึง 200%
ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียกล่าวเมื่อวานนี้ว่า รัสเซียเห็นพ้องกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อเสนอหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่การหยุดยิงจะต้องนำไปสู่สันติภาพที่ถาวร และควรจะขจัดรากเหง้าของสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในครั้งนี้
ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า รัสเซียจะถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างหนัก หากปธน.ปูตินปฏิเสธที่จะยอมรับข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครนเป็นเวลา 30 วัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 68)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน