
นายสมศักดิ์ บุญลาภ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มปฏิบัติการผลิตปศุสัตว์และโรงงาน บมจ.เบทาโกร [BTG] เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่องตามภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น สอดรับกับแรงหนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังคงมองหาแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ความต้องการเนื้อไก่ภายในประเทศมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น เบทาโกรจึงขยายกำลังการผลิตด้วยการเปิดโรงงานแปรรูปไก่แห่งที่ 5 ที่ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง โดยเริ่มดำเนินการผลิตแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ด้วยกำลังการผลิต 50,000 ตัวต่อวัน ส่งผลให้ศักยภาพการผลิตรวมของบริษัทเพิ่มเป็น 636,000 ตัวต่อวัน
โรงงานนี้ ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยี Smart Machine & Utility ที่สามารถควบคุมกระบวนการผลิตอาหารแบบเรียลไทม์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย พร้อมได้รับมาตรฐานรับรองระดับสากล อาทิ ใบรับรองการผลิตเนื้อไก่อนามัย (Q-Mark) และใบรับรองการปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงฆ่าสัตว์ปีก (GMP) เป็นต้น ตลอดจนการดำเนินมาตรการจัดการน้ำเสียและของเสียครบวงจร และการใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Rooftop และ Solar Carport ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 580 กิโลวัตต์ชั่วโมง นอกจากนี้ โรงงานแปรรูปไก่ลำปางยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนด้วยการจ้างงานบุคลากรในพื้นที่ถึง 80% ของบุคลากรทั้งหมด สนับสนุนเกษตรกรผ่านโครงการไก่เนื้อประกันราคา ตลอดจนการใช้วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง
“โรงงานแห่งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตของเบทาโกร แต่ยังยกระดับอุตสาหกรรมอาหารด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมเป็นโรงงานต้นแบบในการบริหารจัดการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น เรามุ่งสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง เติบโตไปพร้อมกับเกษตรกร ชุมชน และพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหารไทยอย่างยั่งยืน” นายสมศักดิ์ กล่าว
ปัจจุบัน เบทาโกรมีโรงงานแปรรูปไก่จำนวนทั้งสิ้น 5 แห่งในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่จังหวัดลพบุรี สมุทรสาคร พัทลุง มหาสารคาม และลำปาง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มี.ค. 68)
