
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติของรัฐมนตรี เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและมาตรฐานจริยธรรมว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือจะต้องเข้มงวดและมีความละเอียดรอบคอบมากขึ้นเกี่ยวกับคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีหรือข้าราชการทางการเมือง เมื่อสังคมตั้งคำถามก็ต้องดูว่าเป็นสังคมส่วนไหน และถือเป็นเสียงทักท้วงต้องกลับไปดูให้รอบคอบ
ส่วนการจะตั้งรัฐมนตรีต้องใช้มาตรฐานเข้มข้นเหมือนตั้ง ครม.แพทองธาร 1 ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกัน และเรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีในการคัดเลือก แต่เมื่อศาลยังไม่พิจารณาก็ต้องรอบคอบมากขึ้น ส่วนจะมีมาตรการหรือการดำเนินการในระดับใดก็คงเป็นสิ่งที่นายกฯ เรียกหารือหรือใช้ดุลยพินิจไม่สามารถตอบแทนได้
“เราต้องเข้มงวดเรื่องนี้มากขึ้น และยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เพราะการที่จะบอกว่าวิญญูชนพึงกระทำมันยาก คงเป็นเรื่องที่ต้องไปคิดก่อน ซึ่งยังอีกไกล และขอย้ำว่า การยื่นศาลตีความเรื่องนี้ไม่เกี่ยวเรื่องการปรับ ครม. ในเร็ว ๆ นี้ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ย้ำไปแล้ว”
ส่วนการที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัยคุณสมบัติรัฐมนตรีจะเป็นการส่งสัญญาณล่วงหน้าหรือไม่ถึงกรณีที่รัฐสภาจะประชุมวันที่ 17 มี.ค.นี้ ที่เตรียมจะเสนอญัตติถามศาลรัฐธรรมนูญว่าจะทำประชามติกี่ครั้ง นายภูมิธรรม กล่าวว่า 2 เรื่องนี้มีความแตกต่างกัน เพราะเรื่องการขอคำปรึกษาเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรียังไม่มีเหตุ และไม่ได้หมายความว่า ทุกเรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ
*ควรแก้รธน.ทั้งฉบับ เพื่อให้ตีความเกิดความชัดเจน
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีปัญหาในแง่ของการตีความ และหลักสำคัญคือ เวลาจะแต่งตั้งใครต้องเอาประวัติมาดู และประวัติแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น บางคนถูกปรับข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด ก็ต้องถามว่า แบบนี้ถือว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ แปลว่า ดุลยพินิจมันกว้าง และหลักสำคัญของกฏหมายของประเทศ ต้องมีนิติรัฐ นิติธรรม กฏหมายต้องมีความแน่นอน เราถึงพยายามทำเรื่องนี้ให้ชัด
ในอนาคตหากจะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีอาจมีความสุ่มเสี่ยง ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังเต็มที่ ที่ผ่านมาให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นคนตรวจสอบเบื้องต้น และเลขาธิการ ครม.อาจสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฏีกา ซึ่งพอเป็นเรื่องของดุลยพินิจก็เป็นหน้าที่ของคนที่รับผิดชอบต้องชั่งน้ำหนักดูว่าเป็นอย่างไร เมื่อไม่มีเกณฑ์ตายตัว ก็ต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลกัน แต่ท้ายที่สุดคนที่ตั้งเป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับการกำหนดบรรทัดฐานของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนั้นส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญที่เรียกกันว่า ปราบโกงที่เขียนเอาไว้ แต่หลักสำคัญควรมีมาตรฐานชัดเจน กฏหมายมีความแน่นอน ไม่เปิดโอกาสให้ตีความได้หลายทาง และหากมีโอกาสแก้รัฐธรรมก็ต้องมีการพูดคุยกัน โดยยืนยันว่า อยากทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน และหวังว่าจะมีการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มี.ค. 68)
Tags: การเมือง, ภูมิธรรม เวชยชัย, ศาลรัฐธรรมนูญ