
นักวิเคราะห์ ฯ คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดรีบาวด์และแกว่งตัวในกรอบ หลังจากเงินเฟ้อ CPI เดือนก.พ.ของสหรัฐ ออกมาต่ำกว่าคาด และตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง แต่ยังคงมีความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย และความผันผวนของการทำสงครามการค้าของสหรัฐกดดันอยู่ พร้อมให้แนวต้าน 1,170 จุด แนวรับ 1,150 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่ารีบาวด์ได้ และแกว่งตัวในกรอบจำกัด จากการที่เงินเฟ้อ CPI เดือนก.พ.ของสหรัฐ ที่รายงานออกมาเมื่อคืนนี้ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง และตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้มีแรงซื้อกลับในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งอาจจะส่งผลต่อ Sentiment ต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดหุ้นไทยได้
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่กดดันต่อตลาดหุ้นจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) จากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเดินหน้าสงครามการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้น ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดมาเช้านี้เปิดมาปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
โดยให้แนวต้าน 1,170 จุด แนวรับ 1,150 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (12 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,350.93 จุด ลดลง 82.55 จุด หรือ -0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,599.30 จุด เพิ่มขึ้น 27.23 จุด หรือ +0.49% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,648.45 จุด เพิ่มขึ้น 212.35 จุด หรือ +1.22%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,081.64 จุด เพิ่มขึ้น 262.55 จุด หรือ +0.71% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 23,616.33 จุด เพิ่มขึ้น 16.02 จุด หรือ +0.06 และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,371.09 จุด ลดลง 0.83 จุด หรือ -0.02%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 มี.ค.) 11,160.06 จุด ลดลง 27.57 จุด (-2.32%) มูลค่าการซื้อขาย 46,369.97 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (12 มี.ค.) 3,012.11 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(12 มี.ค.) เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 67.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 มี.ค.) อยู่ที่ 4.48 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.77 แนวโน้มแกว่ง sideway ทางแข็งค่า จับตาราคาทอง-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
- “อัสสเดช” ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ย้ำ “กัลฟ์” ควบรวม “อินทัช” ESG Rating คงเดิม กองทุน Thai ESG Extra (TESGX) ลงทุนได้ต่อเนื่องในบริษัทใหม่ (NewCo) ส่วนกลุ่มหุ้นที่รายงานก๊าซเรือนกระจก TESGX ลงทุนได้ เช่น TRUE, ERW, BCP “ชวินดา” นายกฯ สมาคมบลจ. คาดมีเม็ดเงินใหม่เข้ากอง TESGX กว่า 3 หมื่นล้านบาท ด้านตลท.-ก.ล.ต.เผยการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี จะต้องถือหน่วยลงทุนให้ครบ 5 ปี ขณะที่สัดส่วนลงทุนเป็นหุ้น ESG 80% และสินทรัพย์อื่นที่อยู่นอก ESG ได้อีก 20%
- “พิชัย” ชูโปรเจ็กต์แลนด์บริดจ์เชื่อมมหาสมุทร “แปซิฟิก-อินเดีย” ดึงนักลงทุน ชี้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เป็นโอกาส ระบุไทยมีศักยภาพทั้งการเติบโตและภูมิประเทศ พร้อมประเมินส่งออกปี 2568 โต 4% จากปัจจัยบาทอ่อนสนับสนุน และการมุ่งขยายตลาดใหม่ๆ รองรับ
- ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. 68 ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 93.4 จาก 91.6 ในเดือนก่อนหน้า รับแรงหนุนจาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 2.00% เสริมสภาพคล่องภาคธุรกิจ เสนอรัฐเร่งปรับแผนรับมือการค้าสหรัฐฯ หนุนสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ และพัฒนาระบบขนส่งตู้สินค้าที่แหลมฉบัง
- “ทีทีบี” ชี้ไทยเผชิญหลายปัญหา จากนโยบายทรัมป์ สินค้าจีนทะลัก ลามกระทบความสามารถแข่งขันของธุรกิจใหญ่ ชี้เริ่มเห็นรายใหญ่อ่อนแอลง ขณะที่เอสเอ็มอีหนี้เสียพุ่ง “ทีดีอาร์ไอ” จับตา 2 เม.ย.สหรัฐประกาศขึ้นภาษีไทย คาดเศรษฐกิจปีนี้โตไม่เกิน 3% “เอเชียพลัส” หวั่นครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยน่าห่วงขึ้น
- ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส เปิดเผยในงานสัมมนา อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2025 หัวข้อ ปรับทิศอสังหาฯ 2025 : วิกฤติหรือโอกาส? ตลาดอสังหาฯความท้าทายใหม่ในภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนผ่าน ว่า ปี 68 นี้มีหุ้นกู้กลุ่มอสังหาฯที่จะครบกำหนดไถ่ถอนมูลค่ารวม 80,000 ล้านบาท จากภาระหนี้โดยรวม 52% ของผู้ประกอบการเป็นหุ้นกู้ ซึ่งมีมูลค่ารวม 412,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเครดิตเรตติ้งเป็นอินเวสต์เมนต์เกรดหรือกลุ่มระดับลงทุนและปีนี้ดอกเบี้ยไม่ปรับขึ้น จึงมองว่ายังไม่น่าเป็นห่วงหากเทียบกับปีก่อน
- แอตต้า เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มภาคท่องเที่ยวไทยในปัจจุบัน คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2568 เต็มที่น่าจะทำได้ประมาณ 37 ล้านคน เทียบเท่าปี 2567 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยประมาณ 35.54 ล้านคน ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ยังมีปัจจัยลบอยู่มาก ทำให้จำนวนเป้าหมายของรัฐบาลที่ 39 ล้านคน ยากเกินไป
*หุ้นเด่นวันนี้
- TRUE (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 14.00 บาท แนวโน้มกำไรปกติ ยังฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ผสานภาวะการแข่งขับของกลุ่มที่ชะลอตัวลง หนุนรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ขณะที่ระยะสั้นตลาดอาจมีความกังวลเกี่ยวกับ TRUE ที่ยังไม่มี ESG Rating ส่งผลให้มีแรงขายมากเกินไป ซึ่งความจริงแล้ว TRUE มีการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขที่กองทุน Thai ESGX สามารถลงทุนได้ จึงมองเป็นโอกาสสะสมในจังหวะที่ตลาดตกใจมากเกินไป
- MOSHI (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 56.10 บาท เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ MOSHI จากการประชุมเมื่อวานที่ผ่านมาโดย QTD SSSG เป็นบวก 7.5% จาก feedback ที่ดีจาก merchandise กลุ่ม cartoon characters ใหม่ๆ ที่พัฒนาจากทีม R&D ของบริษัท และได้ประโยชน์จากการร่วม E-receipt เป็นปีแรก และผู้บริหารคงเป้าการเติบโตของยอดขายที่ 15-20% ขณะที่มอง GPM ที่ไม่รวม impact ของ exhibition ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 54.2% ซึ่งหมายถึงจะเห็นการเพิ่มขึ้นโดยรวมราว 70bps YoY ทั้งนี้บริษัทไม่มีแผนการทำธุรกิจ exhibition เพิ่มเติมจากนี้ ประกอบกับแผนการขยายสาขาในปี 2568 ยังคงแผนที่40 สาขาโดยแบ่งเป็น สาขาในศูนย์การค้าราว 30 สาขา และอีก 13 สาขาเป็นสาขารูปแบบ Standalone สำหรับสาขาขนาดใหญ่แบบ Standalone มีการเปิดสาขาแรกไปเมื่อต้นเดือน ก.พ. 68 ได้รับการตอบรับที่ดี และมียอดขายที่เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท
- ADVANC (กรุงไทยเอ็กซ์สปริง) มูลค่าเหมาะสม 317 บาท คาดการเติบโตของผลการดำเนินงานของ ADVANC จะกลับเข้าสู่ระดับปกติ ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย 7% ต่อปี ในระยะ 3 ปีข้างหน้า จาก 3.79 หมื่นล้านบาท ในปี 2568 เป็น 4.34 หมื่นล้านบาท ในปี 2570 ด้วยสมมติฐานรายได้จากการบริการหลัก เติบโตเฉลี่ย 3% ต่อปี อานิสงส์จากสภาพแวดล้อมด้านการแข่งขันที่เป็นมิตรมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มี.ค. 68)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย