
บริษัทยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นหลายแห่ง นำโดยโตโยต้า (Toyota) และกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี พร้อมใจกันตอบรับข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานในการปรับขึ้นค่าแรงครั้งใหญ่เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เพื่อช่วยพนักงานสู้ภาวะค่าครองชีพพุ่ง พร้อมรักษากำลังคนท่ามกลางปัญหาขาดแคลนแรงงาน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลการเจรจาประจำปี “ชุนโต” หรือ “การเรียกร้องสิทธิแรงงานช่วงใบไม้ผลิ” ของบริษัทชั้นนำสิ้นสุดลงในวันนี้ (12 มี.ค.) โดยฮิตาชิ (Hitachi) ยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศปรับขึ้นค่าจ้างรายเดือนทำสถิติสูงสุดที่ 6.2% ตามข้อเรียกร้อง
ด้านโตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นและเป็นบรรทัดฐานของภาคอุตสาหกรรม ตกลงปรับค่าแรงรายเดือนสูงถึง 24,450 เยน (165 ดอลลาร์) พร้อมจ่ายโบนัส 7.6 เดือน แม้ไม่เปิดเผยตัวเลขเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่ยืนยันว่าการเพิ่มค่าตอบแทนรวมทั้งบริษัทจะเท่ากับปีก่อน ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2542
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่ทำสถิติสูงสุดของบริษัทจากปัจจัยหนุนด้านค่าเงินเยนอ่อน ช่วยสนับสนุนการปรับขึ้นค่าแรงในปีนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การขึ้นค่าแรงเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 5.1% ซึ่งสูงสุดในรอบ 33 ปี และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยุตินโยบายการเงินผ่อนคลายพิเศษที่ใช้มานานกว่า 10 ปี
ด้านมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ (Mitsubishi Heavy Industries) และเอ็นอีซี (NEC) ก็ตอบรับข้อเรียกร้องเต็มที่เช่นกัน
ทั้งนี้ ช่วงก่อนปี 2566 การขึ้นค่าจ้างประจำปีในรอบ 20 ปีอยู่ที่เพียง 1-2% ส่งผลให้ค่าแรงของญี่ปุ่นยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในองค์การ OECD
สมาพันธ์สหภาพแรงงานญี่ปุ่น (Rengo) ซึ่งเป็นกลุ่มสหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นที่มีสมาชิกประมาณ 7 ล้านคน เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า Rengo กำลังเรียกร้องให้มีการขึ้นค่าแรงเฉลี่ย 6.09% เพิ่มจาก 5.85% ปีก่อน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปีที่เรียกร้องเกิน 6%
ประเด็นที่น่าจับตาในการเจรจา “ชุนโต” ปีนี้ อยู่ที่บริษัทขนาดกลางและเล็ก ซึ่งจ้างงาน 70% ของแรงงานญี่ปุ่น จะปรับขึ้นค่าจ้างตามบริษัทใหญ่ได้หรือไม่ โดยโตโยต้าประกาศเพิ่มราคารับซื้อชิ้นส่วนในประเทศ เพื่อช่วยซัพพลายเออร์ขึ้นค่าแรง
การปรับขึ้นค่าจ้างทั่วระบบถือเป็นเงื่อนไขสำคัญให้ BOJ พิจารณาขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจากระดับต่ำที่ 0.5% ขณะที่รัฐบาลชิเงรุ อิชิบะ ก็หวังให้มีการขึ้นค่าแรงเป็นจำนวนมากเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย เนื่องจากราคาอาหารและสินค้าจำเป็นที่พุ่งสูง ทำให้ค่าแรงที่แท้จริงหลังหักเงินเฟ้อแทบไม่มีการเติบโต
เงินเฟ้อผู้บริโภคที่ใช้คำนวณค่าแรงที่แท้จริง ซึ่งรวมอาหารสดแต่ไม่รวมค่าเช่า พุ่ง 4.7% เทียบรายปีในเดือนม.ค. สูงสุดในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ดี คาซุทากะ มาเอดะ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยเมจิ ยาสุดะ ชี้ว่า แม้ขึ้นค่าแรง 5-5.5% ปีนี้ “ก็แค่ชดเชยเงินเฟ้อ ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการจับจ่าย”
อนึ่ง การเจรจาค่าจ้างประจำปีถือเป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจญี่ปุ่น ที่ฝ่ายแรงงานและผู้บริหารมักเน้นความร่วมมือมากกว่าการเผชิญหน้า ต่างจากหลายประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 68)
Tags: ขึ้นค่าแรง, ญี่ปุ่น, สหภาพแรงงาน, เงินเฟ้อ