สิงคโปร์เตือนมาตรการภาษีทรัมป์บั่นทอนเศรษฐกิจโลก แต่คาดเศรษฐกิจเอเชียยังแกร่ง

กัน คิม ยอง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เตือนว่า การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ นั้น มีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก โดยการแสดงความเห็นต่อสาธารณะที่รุนแรงเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการค้า

“หลายประเทศในเอเชียต่างก็เฝ้ามองด้วยความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้กับ 3 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ รวมทั้งแผนการที่เขาจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม” นายกันกล่าวในงานเสวนา “Converge Live” ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ในวันนี้ (12 มี.ค.)

“แม้ประเทศในเอเชียทั้งหมดจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ผลกระทบของการปรับขึ้นภาษีศุลกากรและสงครามการค้าอาจก่อให้เกิดภาวะชะงักงันครั้งใหญ่ห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งจะส่งผลให้การไหลเวียนด้านการค้าและการลงทุนชะลอตัวลงด้วย ซึ่งนั่นจะบั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ” เขากล่าว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ได้ส่งสัญญาณถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วโลก โดยนายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ได้กล่าวคำว่า “โลกที่แตกเป็นกลุ่มและมีปัญหา” และ “สภาพแวดล้อมในต่างประเทศที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน” ในระหว่างการแถลงงบประมาณเมื่อเดือนที่แล้ว

“กำแพงใหม่กำลังถูกสร้างขึ้น ซึ่งไม่ใช่กำแพงคอนกรีต แต่เป็นรูปแบบของอุปสรรคทางเศรษฐกิจและการค้า” นายหว่องกล่าวเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี นายกันได้แสดงมุมมองเชิงบวกต่อเอเชีย โดยเขาคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียจะขยายตัวขึ้นจากปัจจุบันที่ประมาณ 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลก สู่ระดับประมาณ 60% ภายในปี 2573 โดยเขาระบุถึงประชากรในวัยหนุ่มสาวและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในประเทศต่าง ๆ รวมถึงอินโดนีเซีย อินเดีย และเวียดนาม พร้อมกับชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตและมีการเชื่อมต่อที่ดีทั้งทางกายภาพและดิจิทัล

นอกจากนี้ นายกันกล่าวว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เอเชียยังคงต้องเปิดกว้างสำหรับการค้า บุคลากรที่มีความสามารถ และการลงทุน โดยเขาสนับสนุนการขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ผ่านความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement: ATIGA)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top