
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการติดตามสถานการณ์การส่งออกไทยปี 2567 พบว่า ผลไม้เป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับ 1 ของไทย โดยมีปัจจัยหนุนจากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นจากความนิยมของผู้บริโภคชาวต่างชาติในผลไม้ไทย ทั้งในด้านคุณภาพมาตรฐาน ความหลากหลายของสายพันธุ์ และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ในปี 67 ไทยมีการส่งออกผลไม้ ทั้งแบบสด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง รวมมูลค่า 6,510.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (231,401 ล้านบาท) สูงกว่ามูลค่าการส่งออกเฉลี่ยในข่วง 5 ปีที่ผ่านมา (5,855.7 ล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็นสัดส่วน 22.6% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมดของไทย เฉพาะการส่งออกผลไม้สด มีมูลค่า 5,149.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (183,823 ล้านบาท)
ประเทศไทยมีผลไม้สดที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญหลายชนิด เช่น
- ทุเรียน มีปริมาณการส่งออก 859,183 ตัน มูลค่า 3,755.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (134,852 ล้านบาท) มีสัดส่วนถึง 72.9% ของมูลค่าการส่งออกผลไม้สดทั้งหมดของไทย ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. จีน (สัดส่วน 97.4% ของมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดของไทย) 2. ฮ่องกง (1.3%) 3. เกาหลีใต้ (0.3%) 4. มาเลเซีย (0.2%) และ 5. สหรัฐอเมริกา (0.2%)
- ลำไย มีปริมาณการส่งออก 527,927 ตัน มูลค่า 571.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (19,698 ล้านบาท) ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. จีน (สัดส่วน 73.1% ของมูลค่าการส่งออกลำไยสดของไทย) 2. อินโดนีเซีย (14.2%) 3. เวียดนาม (6.7%) 4. มาเลเซีย (1.5%) และ 5. อินเดีย (1.0%)
- มังคุด มีปริมาณการส่งออก 284,860 ตัน มูลค่า 490.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (17,573 ล้านบาท) ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. จีน (สัดส่วน 91.0% ของมูลค่าการส่งออกมังคุดสดของไทย) 2. เวียดนาม (4.8%) 3. เกาหลีใต้ (1.6%) 4. สหรัฐฯ (0.5%) และ 5. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (0.3%)
- มะพร้าวอ่อน มีปริมาณการส่งออก 257,428 ตัน มูลค่า 217.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (7,616 ล้านบาท) ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. จีน (สัดส่วน 82.7% ของมูลค่าการส่งออกมะพร้าวอ่อนของไทย) 2. สหรัฐฯ (7.1%) 3. ฮ่องกง (2.1%) 4. สิงคโปร์ (1.6%) และ 5. เนเธอร์แลนด์ (1.5%)
- มะม่วง ปริมาณการส่งออก 106,753 ตัน มูลค่า 133.09 ล้านเหรียญสหรัฐ (4,716 ล้านบาท) ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. เกาหลีใต้ (สัดส่วน 61.8% ของมูลค่าการส่งออกมะม่วงสดของไทย) 2. มาเลเซีย (25.6%) 3. ญี่ปุ่น (2.9%) 4. เวียดนาม (2.8%) และ 5. สปป.ลาว (0.8%)
ปัจจุบัน การส่งออกผลไม้สดของไทยพึ่งพาจีนเป็นตลาดหลัก ซึ่งไทยกำลังเผชิญการแข่งขันจากคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีน เช่น ทุเรียนสด ไทยได้รับการอนุญาตให้นำเข้าจีนได้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 46 แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จีนเริ่มอนุญาตการนำเข้าทุเรียนสดจากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องกฎระเบียบการนำเข้าของจีนที่มีความเข้มงวดมากขึ้น
ดังนั้น ไทยควรเร่งปรับตัวเพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งในตลาดจีนไว้ให้ได้ รวมถึงเร่งเจาะตลาดส่งออกใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะตลาดที่มีการนำเข้าผลไม้จากโลกในสัดส่วนสูงแต่ไทยยังมีส่วนแบ่งในตลาดนั้นไม่มาก เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดจีน และลดผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แม้ว่าปีที่ผ่านมา การส่งออกผลไม้ของไทยในภาพรวมหดตัว เนื่องจากผลผลิตออกน้อยสาเหตุจากสภาพอากาศที่ร้อนแล้ง ส่งผลให้ผลผลิตผลไม้หลายชนิดลดลง และกระทบต่อการส่งออก อย่างไรก็ตาม ผลไม้ก็ยังคงเป็นสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ สามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศและรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างมาก
โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ มีนโยบายดูแลสินค้าเกษตร เน้นย้ำให้หน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการขยายตลาดในประเทศ ผลักดันการส่งออกไปสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ และการสนับสนุนการนำผลผลิตไปแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งได้มีการเตรียมมาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกปี 68 สำหรับดูแลผลผลิตฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 68)
Tags: ทุเรียน, ผลไม้ไทย, พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์, ส่งออก, สินค้าเกษตร