
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มองว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมกุ้งของไทยในปี 67 ที่ผ่านมา อยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออกกุ้งของไทยอยู่ที่ 1,135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -7.4%YOY สาเหตุหลักมาจากราคาส่งออกกุ้งที่หดตัว ท่ามกลางอุปสงค์ในตลาดโลกที่ซบเซา ขณะที่ปริมาณส่งออกหดตัวเล็กน้อย จากปัญหาโรคระบาดในกุ้งที่รุมเร้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ หากวิเคราะห์ลงไปในรายละเอียด จะพบว่าเป็นการหดตัวแบบ Broad-based ในทุกกลุ่มสินค้า และในทุกตลาดส่งออกหลักของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกกุ้งสดแช่เย็น-แช่แข็งไปจีน ที่หดตัวสูงถึง -15.8%YOY หลังจากขยายตัวในปีก่อนหน้า สะท้อนถึงภาพรวมการบริโภคในจีนที่อ่อนแอลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มรายได้ในอนาคต และการจ้างงาน ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่ยังระมัดระวังการใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง Luxury food อย่างอาหารทะเล และกุ้ง
- อุตสาหกรรมกุ้งไทยปี 68 การฟื้นตัวยังเปราะบาง
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมกุ้งในปี 68 อุตสาหกรรมกุ้งของไทยมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดย SCB EIC คาดการณ์ว่า มูลค่าการส่งออกกุ้งในปีนี้ จะอยู่ที่ราว 1,109 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -2.3%YOY ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยภาพรวมการฟื้นตัวยังคงเปราะบางจากปัจจัยเสี่ยง (Downside risks) รอบด้าน ท่ามกลางความผันผวนของระบบเศรษฐกิจ และการเงินโลก รวมทั้งความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risks) และสงครามการค้ารอบใหม่ที่มีแนวโน้มยกระดับความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง จากนโยบาย Trump 2.0 ส่งผลให้ภาพรวมอุปสงค์กุ้งในตลาดโลกมีความเสี่ยงสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทที่ผันผวน และต้นทุนการผลิตกุ้งของไทยที่อยู่ในระดับสูงกว่าคู่แข่ง ยังเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญสำหรับการแข่งขันในตลาดโลก ท่ามกลางภาพรวมกำลังซื้อที่อ่อนแอ เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่น่าจะยังมีความต้องการสินค้ากุ้งที่มีราคาไม่สูงมากนัก ซึ่งจะทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่งที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ
SCB EIC คาดการณ์ว่า ความต้องการบริโภคกุ้งในสหรัฐฯ จะได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากการปรับเพิ่มอัตราภาษีอากรขาเข้า (Import tariff) ซึ่งแรงกดดันดังกล่าว จะส่งผลให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ มีแนวโน้มระมัดระวังการใช้จ่าย และให้ความสำคัญกับ Value for money มากขึ้น
รวมทั้งอาจปรับลดการบริโภคอาหารฟุ่มเฟือย (Luxury food) ต่าง ๆ รวมถึงการนำเข้ากุ้งแปรรูป ซึ่งไทยพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 1 ในขณะที่อุปสงค์จากจีน ก็มีแนวโน้มชะลอลงเช่นเดียวกัน จากผลพวงของสงครามการค้ารอบใหม่ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอีก และฟื้นตัวได้ล่าช้ากว่าที่คาดไว้
“ดังนั้น ไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว ด้วยการมองหาโอกาสในการขยายการส่งออกกุ้งไปยังตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ตลาดตะวันออกกลาง หรือตลาดอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดส่งออกหลักดั้งเดิมอย่างเดียว” บทวิเคราะห์ ระบุ
ส่วนในระยะต่อไป ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกุ้งไทยต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อเตรียมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากความไม่สมดุลของอุปสงค์ และอุปทานกุ้งโลก การแข่งขันที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ปัญหาการสะสมโรคจากการเลี้ยงกุ้งในพื้นที่เดิมเป็นระยะเวลานาน ต้นทุนค่าแรงในประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนในการปรับมาตรฐานการเลี้ยงกุ้ง และมาตรฐานการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพสอดคล้องกับข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า และที่สำคัญที่สุด คือ ความท้าทายจากการยกระดับอุตสาหกรรมกุ้งไทย สู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่การผลิต
- แนะรัฐปลดล็อกอุปสรรค-ปัญหาอุตสาหกรรมกุ้งทั้งระบบ
SCB EIC มองว่า ภาครัฐต้องมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาของอุตสาหกรรมกุ้งทั้งระบบ เพื่อปลดล็อกอุปสรรคต่าง ๆ และยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของกุ้งไทยในเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการผลิตร่วมกับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ทั้งในเรื่องขนาด ปริมาณ และคุณภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานและความต้องการของตลาดปลายทางที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ รวมทั้งต้องเน้นให้ความช่วยเหลือเรื่องการลดต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนด้านพลังงาน อาหารกุ้ง พันธุ์กุ้ง และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ รวมถึงต้นทุนแฝงจากการเกิดโรคสะสมในกุ้ง เช่น การส่งเสริมการผลิตลูกกุ้งคุณภาพสูง การให้บริการด้านสุขภาพสัตว์น้ำ และสร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์โรคกุ้ง เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันของกุ้งไทยในตลาดโลก ตั้งแต่ต้นทาง พร้อม ๆ ไปกับการสนับสนุนการวิจัย และพัฒนาการผลิตและแปรรูปกุ้งที่มีคุณภาพสูง และมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เพื่อหลีกหนีการแข่งขันด้านราคาร่วมด้วย
- แนะผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับ “เทรนด์ยั่งยืน”
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกุ้ง จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดห่วงโซ่การผลิต และตอบโจทย์การเลี้ยงกุ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน และรับผิดชอบ (Sustainable and responsible sourcing) เช่น ฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้ง ต้องไม่บุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน หรือปล่อยน้ำเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารกุ้ง เช่น ปลาป่น ต้องได้มาจากการทำประมงที่ถูกกฎหมาย มีการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม เป็นต้น
ทั้งนี้ รวมถึงอาจพิจารณานำเทคโนโลยีที่ทันสมัย และนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีการผลิตและแปรรูปที่ลดการปล่อยคาร์บอน มาปรับใช้ในฟาร์มเพาะเลี้ยง หรือโรงงานแปรรูป เพื่อลดอุปสรรคทางการค้า และเพิ่มแต้มต่อให้กับผู้เล่นไทยท่ามกลางกระแสการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนทั่วโลก
นอกจากนี้ การปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสินค้านวัตกรรมทางเลือกใหม่ ๆ ในตลาดอาหารทะเลก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม อาทิ การพัฒนา และคัดเลือกสายพันธุ์กุ้งที่มีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิน้ำและระดับความเค็ม การเลี้ยงกุ้งหลากหลายสายพันธุ์เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความยืดหยุ่นต่อภัยคุกคามด้านต่าง ๆ และเพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate resilience) หรือการเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน เช่น กุ้ง ปลา สาหร่ายทะเล ไว้ในระบบการเลี้ยงเดียวกันเลียนแบบระบบนิเวศทางธรรมชาติเพื่อปรับความสมดุลและฟื้นฟูระบบนิเวศโดยรวม
ขณะเดียวกัน ต้องเตรียมรับมือกับการแข่งขันในตลาดอาหารทะเลที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น โปรตีนทางเลือก (Alternative protein) หรืออาหารทะเลที่ทำจากพืช (Plant-based seafood) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในตลาดโลกมากขึ้น โดยพบว่า ปัจจุบันเริ่มมีผลิตภัณฑ์ทดแทนทูน่า และกุ้งที่ทำจากพืช (สาหร่าย) วางจำหน่ายมากขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 68)
Tags: SCB EIC, กุ้ง, ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์, ส่งออก