
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประกาศระงับการจ้างงานชั่วคราว เนื่องจากเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกตัดเงินสนับสนุนจากรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐฯ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยเงินบริจาคกว่า 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่ถูกจับตาในเรื่องความล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาการต่อต้านชาวยิวในแคมปัส โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศยกเลิกเงินสนับสนุนและสัญญาจ้างมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ที่มอบให้แก่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยอ้างเรื่องการคุกคามนักศึกษาชาวยิว นับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุขึ้น
“เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทางการเงินที่หลากหลาย และการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมต้องใช้เวลาในการพิจารณาและดำเนินการ” อลัน การ์เบอร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ (10 มี.ค.)
ฮาร์วาร์ดระบุว่า การระงับการจ้างคณาจารย์และบุคลากรมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความยืดหยุ่นทางการเงินจนกว่าผู้บริหาร “จะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาลกลางและสามารถประเมินขอบเขตของผลกระทบได้”
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เป็นผลพวงที่มหาวิทยาลัยต่างๆ กำลังเผชิญกับพรรครีพับลิกันที่แสดงท่าทีสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการถูกคุกคามเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลกลางจัดสรรให้กับวงการอุดมศึกษาทุกปี ผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างเช่น สถาบันสุขภาพแห่งชาติ
ในปีการศึกษาที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางประมาณ 700 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ได้ประกาศหยุดรับพนักงานใหม่ไปแล้ว โดยอ้างเหตุผลความไม่แน่นอนเรื่องเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในลักษณะเดียวกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 68)
Tags: มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, ระงับการจ้างงาน, โดนัลด์ ทรัมป์