
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่รับฟังปัญหาการบริหารจัดการพื้นที่ฝั่งอ่าวไทยในจังหวัดสงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช และ สุราษฎร์ธานี ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสงขลาเมื่อเดือนที่ผ่านมาเกี่ยวกับการพัฒนาท่าเรือเพื่อเพิ่มจุดท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสงขลาและจังหวัดในฝั่งอ่าวไทย
โดยคณะฯ ได้ติดตามการพัฒนาการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการท่าเรือ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ที่ใช้เรือเฟอร์รี่ขนคนและยานพาหนะไปเกาะสมุย ซึ่งผู้แทนกรมเจ้าท่ายืนยันว่ามีความพร้อมและเพียงพอในการบริหารจัดการนักท่องเที่ยว และถือเป็นจุดสำคัญในการรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากฝั่งอันดามัน เช่น จังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต เพื่อให้สามารถเดินทางข้ามมาเที่ยวที่ฝั่งอ่าวไทย
ส่วนโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ที่เริ่มดำเนินการได้ในปี 2572 และแล้วเสร็จภายในปี 2575 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายในการศึกษาจัดทำจุดจอดเรือเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย โดยเฉพาะจุดท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ที่ อ.เมือง จังหวัดสงขลา ต่อเนื่องมายังเกาะสมุย เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายทะเลฝั่งอ่าวไทยของภาคใต้ และยังได้ติดตามผลการดำเนินงานการจัดการน้ำเสียบนเกาะสมุย ซึ่งดำเนินการโดยองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ยังมีปัญหางบประมาณไม่เพียงพอ ที่ประชุมได้ประสานไปยังองค์การจัดการน้ำเสีย กระทรวงมหาดไทย ให้ร่วมกันดำเนินการเพื่อจัดทำบ่อบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ต่อไป
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาคใต้ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการท่องเที่ยวและการเพิ่มประสิทธิภาพของตำรวจท่องเที่ยว และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีในเรื่องของการจัดทำแหล่งท่องเที่ยวระดับชาติในภูมิภาคอาเซียน โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถใช้เรือสำราญขนาดใหญ่เดินทางจากสิงคโปร์เข้าสู่สงขลาผ่านมายังสุราษฎร์ธานี เกาะสมุย ไปยังพัทยา และประเทศต่าง ๆ ทางฝั่งตะวันออกได้” นายจิรายุ กล่าว
ส่วนปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาในพื้นที่เกาะสมุย ซึ่งพบว่ามีปริมาณความต้องการมากกว่าน้ำที่ส่งทางท่อจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ประชุมได้ขอให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) พิจารณาเพิ่มขนาดท่อส่งน้ำประปาให้เกาะสมุยมีปริมาณใช้อย่างเพียงพอโดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น
ขณะที่ พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ดูแลพื้นที่ 22 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่าปัญหาของเกาะสมุยและเกาะพะงันนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวมีมากกว่าจำนวนที่พัก ทำให้นักท่องเที่ยวต้องเดินทางไปงานฟูมูนปาร์ตี้แบบไปกลับ ซึ่งเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ทั้งนี้ได้ร่วมมือกับกรมเจ้าท่ากวดขันตรวจสอบความพร้อมของเรือ โดยเฉพาะสัญญาณไฟและอุปกรณ์ชูชีพ ส่วนตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการตรวจสารเสพติดผู้ขับขี่เรือระหว่างเกาะต่าง ๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นคณะฯ ได้ลงพื้นที่ดูความคืบหน้าของโครงการบริเวณแหลมหินคม ต.ตลิ่งงาม ซึ่งห่างจากที่ว่าการอำเภอไปประมาณ 15 กิโลเมตร โดยพบว่าปัจจุบันไม่มีการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ อยู่ระหว่างขั้นตอนการมอบเงินที่ได้จากการเวนคืนที่ดินเพื่อจัดสร้างท่าเรือดังกล่าว ซึ่งเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 68)