
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ถัดไป (10-14 มี.ค.) มีแนวรับที่ 1,180 และ 1,170 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,220 และ 1,230 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. ของยูโรโซนและอังกฤษ ตลอดจนยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.พ. ของจีน
โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (3-7 มี.ค.) ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ โดยหลุดแนว 1,200 จุด ไปแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี (4 ปี 11 เดือน) ที่ 1,173.13 จุด ท่ามกลางแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นบิ๊กแคปกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงความกังวลต่อผลกระทบของสงครามการค้าหลังสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา และเม็กซิโก ในอัตรา 25% พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งมีผลในวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจีนก็ได้ประกาศตอบโต้สหรัฐฯ ในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากตลาดคลายความกังวลบางส่วนต่อสงครามการค้า หลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ มีท่าทีประนีประนอมในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากับแคนาดา และเม็กซิโก (ซึ่งต่อมามีการเลื่อนเก็บภาษีบางรายการออกไป 1 เดือน) ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงในเวลาต่อมา ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ สวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า กระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุน ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทย กลับมายืนเหนือ 1,200 จุดได้ก่อนช่วงปิดตลาดปลายสัปดาห์
โดยในวันศุกร์ที่ 7 มี.ค.68 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,202.03 จุด ลดลง 0.14% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,592.24 ล้านบาท ลดลง 21.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.47% มาปิดที่ระดับ 252.19 จุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 มี.ค. 68)
Tags: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, สงครามการค้า, สหรัฐ, หุ้นไทย