
นายกิรติพงศ์ แนวมาลี หัวหน้าโครงการกิโยตินกฎระเบียบตลาดทุน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยผลการศึกษาวิเคราะห์ ทบทวนกฎ ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับที่เกี่ยวกับการอนุญาตที่ไม่จำเป็น หรือเป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจในตลาดทุนไทย (กิโยตินกฎระเบียบตลาดทุน) ว่า ทีดีอาร์ไอได้ใช้เวลาศึกษา 2 ปี โดยให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน โดยได้ทบทวนปัญหาการปฏิบัติตามกฎหมายด้านตลาดทุน ทั้งสิ้น 138 เรื่อง 332 กระบวนงาน แบ่งได้ดังนี้
กระบวนงานในส่วนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 71 กระบวนงาน สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) 53 กระบวนงาน สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) 2 กระบวนงาน สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (TLCA) 23 กระบวนงาน บริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) 105 กระบวนงาน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) 16 กระบวนงาน สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) 7 กระบวนงาน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สมาชิก FETCO 55 กระบวนงาน
ทั้งนี้ในจำนวนข้อเสนอทั้งหมดมี 22 เรื่องที่มีข้อมูลชัดเจนเพียงพอต่อการประเมินเป็นต้นทุนได้ ซึ่งพบว่าหากมีการปรับปรุงตามข้อเสนอดังกล่าวจะสามารถประหยัดต้นทุนได้อย่างน้อย 96.4 ล้านบาทต่อปี จากต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง 282.9 ล้านบาทต่อปี หรือประหยัดได้ 34.1% และยังสามารถลดต้นทุนค่าเสียโอกาสได้ถึง 943.1 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 87.2% จากต้นทุนค่าเสียโอกาสทั้งหมด 1,081.9 ล้านบาทต่อปี
1.มาตรการเพิ่มความสะดวกและยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน เช่น การส่งนัดประชุมผู้ถือหุ้นที่ควรปรับให้การส่งหนังสือเชิญประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นช่องทางหลักจากเดิมที่จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นก่อน ความซ้ำซ้อนการยืนยันตัวตน KYC ให้สามารถดำเนินการเพียงครั้งเดียวผ่านระบบกลาง เช่น NDID หรือระบบอื่นๆ และสามารถใช้ได้กับทุก บล. และ บลจ. และการติดและตรวจสอบอาการแสตมป์บนหนังสือมอบฉันทะของผู้ถือหุ้น เสนอว่าควรยกเลิกการติดอากรแสตมป์กรณีดังกล่าว
ส่วนการขาดเครื่องมือในการกำกับสำนักงานสอบบัญชีตลาดทุนนั้น เสนอให้แก้ไข พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ เพิ่มโทษปรับเป็นพินัย โดยให้อำนาจสำนักงาน ก.ล.ต. ปรับเป็นพินัยสำนักงานสอบบัญชี ซึ่งค่าปรับสูงสุดต้องเพียงพอที่จะป้องกันการกระทำความผิด พร้อมออกแนวทางลงโทษผู้สอบบัญชีและสำนักงานสอบบัญชี รวมถึงแก้ไข พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ให้สำนักงานสอบบัญชีต้องขึ้นทะเบียนเป็นสำนักงานสอบบัญชีในตลาดทุนกับสำนักงาน ก.ล.ต.ด้วย นอกจากนี้ยังมีประเด็นการพัฒนาปรับปรุงกลไกการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการดำเนินคดีและปรับปรุงบทลงโทษให้รุนแรงเพียงพอสำหรับการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันไม่เป็นธรรม (Market Misconduct) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนด้วย
2.มาตรการเพิ่มความสะดวกและความเชื่อมั่นตลาดตราสารหนี้ เช่น ข้อจำกัดการโอน Scripless Saving Bond ระหว่างธนาคาร โดยเสนอให้แก้ไขหนังสือชี้ชวนให้สามารถโอนได้ การกำหนดให้ใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน แก้ไขระเบียบหน่วยงานผู้รับหลักประกันให้รองรับการใช้พันธบัตรไร้ใบตราสารเป็นหลักประกันได้ การขาดมาตรการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยในหุ้นกู้คราวฟันดิงก์ ควรกำหนดให้ผู้ให้บริการคราวฟันดิงก์ ต้องอำนวยความสะดวกและตั้งกองทุน การกำกับดูแลระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ออกและเสนอขายในและต่างประเทศ เสนอให้ สำนักงาน ก.ล.ต. สร้างความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรฐานการให้ข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางโดยเฉพาะการขายผลิตภัณฑ์ต่างประเทศที่แตกต่างจากของไทย เพื่อให้นักลงทุนทราบข้อมูลความเสี่ยงแท้จริง
3.มาตรการการพัฒนากลไกการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำผิดคดีหลักทรัพย์ เช่น ปรับภูมิทัศน์ตลาดทุนด้วยการดำเนินคดีแบบกลุ่ม Class Action โดยเปิดให้มีองค์กรซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางได้เข้ามาดำเนินคดีแทนผู้เสียหาย การกำหนดแรงจูงใจของทนายความที่เหมาะสม การสนับสนุนด้านการเงิน การจัดการ ด้านความช่วยเหลือทางกฎหมาย และปรับกระบวนการทางศาลให้มีความกระชับเท่าที่จำเป็นและเป็นธรรมต่อคู่ความ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มี.ค. 68)
Tags: TDRI, กิรติพงศ์ แนวมาลี, ตลาดทุน, ธุรกิจ