
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนก.พ.68 อยู่ที่ 100.55 หรือเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 1.08% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่ตลาดคาด 1.10-1.15%
โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ก.พ. มีปัจจัยหลักจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะผลไม้สด เครื่องประกอบอาหาร และอาหารสำเร็จรูป ประกอบกับการสูงขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล ค่ากระแสไฟฟ้า และค่าโดยสารเครื่องบินเป็นสำคัญ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.68) อยู่ที่ 1.20%
ขณะที่ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนก.พ.68 อยู่ที่ 101.25 หรือเงินเฟ้อพื้นฐาน สูงขึ้น 0.99% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 2 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 0.91%
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า ในเดือนก.พ.68 มีสินค้าและบริการสำคัญ ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (ก.พ.67) รวม 293 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า, น้ำมันพืช, กล้วยน้ำว้า, ปลานิล, ฝรั่ง, กาแฟผงสำเร็จรูป, ค่าโดยสารเครื่องบิน, ค่าเช่าบ้าน และน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น

ส่วนสินค้าและบริการสำคัญ ที่ราคาปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน รวม 118 รายการ ได้แก่ องุ่น, มะเขือ, พริกสด, มะนาว, ผักคะน้า, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, แชมพู และแก๊สโซฮอล์ เป็นต้น ขณะที่สินค้าและบริการสำคัญ ที่ราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลง รวม 53 รายการ เช่น ค่าน้ำประปา, ค่าบริการขนขยะ, ค่าโดยสารแท็กซี่, ค่าโดยสารเรือ, บุหรี่ เป็นต้น
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ โดยจากข้อมุลล่าสุดเดือนม.ค. 68 พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทย ยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ต่ำเป็นอันดับ 23 จาก 128 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว)
คาดเงินเฟ้อ มี.ค. ยังใกล้เคียงก.พ.
ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมี.ค.68 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับเดือนก.พ.68 โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้เงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย 1.ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาท/ลิตร โดยสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 29.92 บาท/ลิตร 2. การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าโดยสารเครื่องบิน และ 3. วัตถุดิบต้นน้ำของสินค้าเกษตรบางชนิดราคายังอยู่ระดับสูง โดยเฉพาะพืชสวน เช่น กาแฟ ปาล์มน้ำมัน และมะพร้าว ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ขั้นกลาง หรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น เช่น กาแฟ น้ำมันพืช และกะทิ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ประกอบด้วย 1. การลดลงของราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลก ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนหน้า และคาดว่าจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกัน 2. ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง 3. ฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าอยู่ในระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ในปี 2568 สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น และ 4. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
คาดเงินเฟ้อ Q2/68 ชะลอตัวเหลือ 0.5% จากผลราคาพลังงาน
ผู้อำนวยการ สนค. ประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อในไตรมาส 2/68 คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5% ชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ซึ่งคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.1-1.2% จากปัจจัยเรื่องราคาพลังงานเป็นสำคัญ พร้อมมองว่า เงินเฟ้อทั่วไปทั้งปีนี้ จะอยู่ในช่วง 0.3-1.3% ตามที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้
ส่วนเงินเฟ้อในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน ของกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ตั้งไว้ 1-3% นั้น นายพูนพงษ์ มองว่า หากพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ในปัจจุบัน โอกาสที่เป็นไปได้ คืออยู่ในช่วงขอบล่างที่ราว 1% ส่วนจะให้สูงไปมากกว่านั้นมองว่าคงยาก เนื่องจากรัฐบาลยังมีมาตรการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยเฉพาะด้านราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซหุงต้ม และค่าไฟฟ้า
“ดูจากสถานการณ์ขณะนี้ เงินเฟ้อคงอยู่ได้แค่ขอบล่างของเป้าหมายของกระทรวงคลังกับแบงก์ชาติ คงไปไม่ถึง 3%…รัฐบาลมีนโยบายลดภาระค่าครองชีพ ทั้งค่าน้ำมัน ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าไฟ หากปล่อยลอยไปตามปกติ เงินเฟ้อก็จะขยับขึ้น คงไม่อยู่แค่นี้”
นายพูนพงษ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มี.ค. 68)
Tags: CPI, กระทรวงพาณิชย์, ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป, อัตราเงินเฟ้อ, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจไทย