
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยัน การทำหน้าที่ของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เป็นไปตามหลักกฎหมายและอำนาจหน้าที่ พร้อมย้ำว่าไม่ได้ใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อโจมตีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ภายหลังจากวานนี้ (6 มี.ค.) ที่ประชุม กคพ. มีมติให้กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคล หรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เมื่อปี 2567 เป็นคดีพิเศษ ตาม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
โดยย้ำว่า เป็นการพิจารณาบนฐานข้อเท็จจริงกรณีที่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวหากับทาง DSI เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการตรวจสอบข้อสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสของกระบวนการเลือกตั้ง ส.ว.
“การตัดสินใจครั้งนี้ ดำเนินการตามหลักกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างรอบด้าน และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบนิติบัญญัติของประเทศ” นายภูมิธรรม ระบุ
- ใช้ข้อกฎหมายตรวจสอบ ไม่ใช่เรื่องการเมือง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การพิจารณาและมีมติชี้ขาดของบอร์ด DSI ให้กรณีดังกล่าว “เป็นคดีพิเศษ” เนื่องจากเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดทางอาญาที่มีลักษณะซับซ้อน และส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์สาธารณะ โดยมิได้ยุ่งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กกต. ซึ่งทำงานตามภารกิจในฐานะผู้ดูแลจัดการการเลือกตั้ง หากแต่เป็นการแยกกันทำหน้าที่ ตามกรอบภารกิจที่เป็นข้อกำหนดในกฎหมาย
“นี่คือกระบวนการที่เป็นไปตามหลักกฎหมาย ไม่ใช่การใช้ DSI เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การสืบสวนของ DSI มีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง และยืนยันความโปร่งใสของกระบวนการเลือกตั้ง ส.ว. ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการใช้อำนาจนิติบัญญัติและการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระในอนาคต” นายภูมิธรรม ระบุ
- ความสำคัญของการตรวจสอบกระบวนการเลือกตั้ง ส.ว.
สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีบทบาทสำคัญในการถ่วงดุลอำนาจและกำกับดูแลการบริหารราชการแผ่นดิน อีกทั้งยังมีอำนาจในการให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ซึ่งล้วนเป็นกลไกสำคัญในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
หากการได้มาซึ่ง ส.ว. มีข้อกังขาเกี่ยวกับการทุจริต หรือการสมคบกันเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ย่อมส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของระบบนิติบัญญัติและกระบวนการยุติธรรมโดยรวม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระบวนการในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่า ผู้ถูกล่าวหาเป็นผู้กระทำความผิดทางกฎหมายแล้ว แต่ยังต้องมีการสอบสวน รวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาตัดสินของศาล จึงจะถือเป็นข้อสรุปที่สิ้นสุด
- “ความโปร่งใส” คือ รากฐานของประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง
นายภูมิธรรม ย้ำว่า การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนสามารถไว้วางใจในกลไกของรัฐ การที่ DSI ใช้อำนาจตามกฎหมายเพื่อสืบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ว. เป็นการดำเนินการที่ “จำเป็น” ไม่ใช่ “เรื่องของเกมการเมือง” แต่เป็นเรื่องของหลักนิติรัฐและความยุติธรรม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือกมาปฏิบัติหน้าที่นั้น เป็นตัวแทนที่มาจากกระบวนการที่ถูกต้องและโปร่งใส
“รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมสนับสนุนให้มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าการเลือกตั้ง ส.ว. เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นี่คือ “หลักการสำคัญของการบริหารประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม” ที่รัฐบาลมุ่งมั่นดำเนินการอย่างจริงจัง” นายภูมิธรรม ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มี.ค. 68)
Tags: DSI, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, การเมือง, ภูมิธรรม เวชยชัย, ส.ว., สมาชิกวุฒิสภา