ศาลสูงสุดฮ่องกงยกฟ้องคดีกลุ่มหนุนปชต. จุดเทียนรำลึกเหตุการณ์เทียนอันเหมิน

ศาลสูงสุดของฮ่องกงมีคำพิพากษาเป็นเอกฉันท์วันนี้ (6 มี.ค.) ให้ยกฟ้องคดีของอดีตสมาชิก 3 คนของกลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งเคยจัดการชุมนุมจุดเทียนประจำปีเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมินของจีนในปี 2532 โดยศาลระบุว่ามีความผิดพลาดร้ายแรงในกระบวนการยุติธรรม

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำพิพากษานี้ถือเป็นชัยชนะที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นสำหรับขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งนักเคลื่อนไหวจำนวนมากถูกจำคุกหรือถูกบังคับให้ลี้ภัย และกลุ่มภาคประชาสังคมสายเสรีนิยมชื่อดังหลายกลุ่มถูกสั่งปิด

ในคำพิพากษา ผู้พิพากษา 5 ท่านของศาลฎีกา นำโดยประธานศาลฎีกา แอนดรูว์ เจิ๊ง ระบุว่า พนักงานอัยการของรัฐบาลได้ตัดทอนข้อเท็จจริงสำคัญบางประการออก

“การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้อุทธรณ์ไม่ได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ส่งผลให้คำตัดสินลงโทษพวกเขามีความผิดพลาดร้ายแรงในกระบวนการยุติธรรม” คณะผู้พิพากษากล่าว

กลุ่มพันธมิตรฮ่องกงเพื่อสนับสนุนขบวนการประชาธิปไตยรักชาติในจีน (Hong Kong Alliance in Support of Patriotic Democratic Movements in China) ซึ่งขณะนี้ถูกยุบไปแล้วนั้น เคยเป็นผู้จัดการชุมนุมจุดเทียนประจำปีเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามอย่างรุนแรงในและรอบบริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2532

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมี.ค. 2566 เจ๊า หั่งต่ง อดีตรองประธานกลุ่มพันธมิตรฯ วัย 40 ปี และอดีตสมาชิกคณะกรรมการบริหารอีก 2 คน ได้แก่ ตั่ง หงอก กว๊าน และเฉ่ย ฮอน กว๊อง ถูกศาลตัดสินจำคุก 4 เดือนครึ่ง โดยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจความมั่นคงแห่งชาติ ที่ขอให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิก ผู้บริจาค และสถานะทางการเงินของกลุ่มพันธมิตรฯ

เมดินา เจ๊า เหล่า มารดาของเจ๊า หั่งต่ง แสดงความขอบคุณต่อคำพิพากษาของศาลในวันนี้ว่า “ฉันหวังว่าโลกจะดีขึ้น ทุกคนควรมีเมตตาและยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างไม่ลดละ”

ทางด้านตั่งยินดีกับคำพิพากษา โดยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวนอกศาลว่า “วันนี้เราพิสูจน์ได้แล้วว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นสายลับต่างชาติ…ความยุติธรรมอยู่ในใจของประชาชน”

ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ถูกกล่าวหาว่าเป็น “สายลับต่างชาติ” ให้กับองค์กรที่ไม่เปิดเผยชื่อแห่งหนึ่ง หลังจากถูกกล่าวหาว่าได้รับเงินจำนวน 20,000 ดอลลาร์ฮ่องกงจากองค์กรดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดสำคัญบางประการของคดี เช่น ข้อมูลระบุตัวตนขององค์กรและบุคคลในต่างประเทศที่ถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นถูกตัดทอนออกไป ซึ่งนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์จากคณะผู้พิพากษา

“การตัดทอนหลักฐานที่เป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าวออกไปนั้น ทำให้ฝ่ายโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดตามข้อกล่าวหาได้” คณะผู้พิพากษาระบุ

ทั้งนี้ กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งบังคับใช้โดยรัฐบาลปักกิ่ง ให้อำนาจผู้บัญชาการตำรวจในการขอข้อมูลที่เชื่อว่ามีความจำเป็นต่อการป้องกันและสืบสวนสอบสวนการกระทำความผิด

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ เจ๊า ซึ่งเป็นตัวแทนแก้ต่างให้ตนเอง กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เป็นสายลับต่างชาตินั้นยากที่จะพิสูจน์ได้ เพราะไม่เป็นความจริง

“กวางไม่มีทางกลายเป็นม้าได้ เพียงเพราะมีใครบางคนเชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น” เจ๊ากล่าว

เจ๊าเรียกร้องให้ศาลยุติการมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจโดยมิชอบของตำรวจ โดยกล่าวว่า “รัฐตำรวจเกิดขึ้นได้เพราะศาลให้การรับรองการใช้อำนาจโดยมิชอบเหล่านั้น การมีส่วนร่วมรู้เห็นเช่นนี้ต้องยุติลงเดี๋ยวนี้”

เจ๊า ซึ่งถูกควบคุมตัวมาตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 ยังถูกตั้งข้อหาปลุกปั่นให้เกิดการโค่นล้มอำนาจรัฐ ร่วมกับอดีตผู้นำกลุ่มพันธมิตรฯ อีก 2 คน คือ อัลเบิร์ต ห่อ และเหลย์ เจิก หยั่น ในคดีที่คาดว่าจะเริ่มการพิจารณาในเดือนพ.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มี.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top