
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู [BANPU] เปิดเผยแผนการดำเนินงานปี 68 คาดว่ารายได้จะเติบโตดีกว่าปีที่แล้วหรืออาจจะทำได้เท่ากัน แต่คาดหวังจะพลิกกลับมาเป็นกำไรหลังจากปี 67 เกิดผลขาดทุนกว่า 680 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเติบโตของทุกธุรกิจ และจะไม่มีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์อีก
พร้อมทั้งตั้งงบลงทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น 60% ลงทุนในธุรกิจก๊าซและไฟฟ้า 20% พลังงานหมุนเวียน และอีก 20% เป็นธุรกิจเหมืองแร่ใหม่ โดยบริษัทมองหาโอกาสลงทุนเหมืองแร่แห่งใหม่นอกเหนือจากเหมืองถ่านหิน โฟกัสเหมืองแร่นิกเกิลในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแร่สำหรับพลังงานสะอาดทั้งหมด หลังจากดีมานด์และซัพพลายสมดุล และราคานิกเกิลปรับตัวลดลงแล้ว บริษัทจึงเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
ส่วนธุรกิจเหมืองแร่ถ่านหินในปี 68 จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นในเหมืองที่อินโดนีเซียและออสเตรเลีย ขณะที่เหมืองในจีนยังทรงตัว โดยคาดว่ายอดขายถ่านหินปีนี้จะอยู่ 45 ล้านตัน ขณะที่ตั้งเป้าลดต้นทุนถ่านหินให้ได้ 1.5 เหรียญสหรัฐต่อตันผ่านการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ ขณะที่ทิศทางไตรมาส 1/68 ราคาถ่านหินลดลงเนื่องจากมีการสต๊อกถ่านหิน แต่คาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาส 2/68 เป็นต้นไป
“เราประเมินกระแสการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อทิศทางด้านพลังงานของโลกอย่างรอบด้าน รวมถึงนโยบายและแผนพลังงานในประเทศยุทธศาสตร์ ในปีนี้เรามุ่งเน้นการจัดสรรเงินทุนไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและการปรับโครงสร้างอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอย่างสมดุลที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ Energy Symphonics จะทำให้บ้านปูเป็นบริษัทพลังงานที่แตกต่างที่เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ ไปพร้อม ๆ กับการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน”นายสินนท์ กล่าว
นายสินนท์ กล่าวว่าในปีนี้แต่ละธุรกิจเรือธงของบริษัทจะให้ความสำคัญต่อการดำเนินตามแผนงาน โดยธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ทั้งธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำ ด้วยการจัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ราคาก๊าซ ด้านธุรกิจเหมือง มุ่งผสาน AI และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดคาร์บอนผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบการจัดการอัจฉริยะ
ในขณะที่ธุรกิจไฟฟ้า ตั้งเป้าลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 1,500 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะในประเทศยุทธศาสตร์ และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน เน้นลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่จะเสริมการทำงานระหว่างระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) และซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อสนับสนุนให้พลังงานหมุนเวียนมีความต่อเนื่องยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการปี 67 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 5,148 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 181,549 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 1,330 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 46,970 ล้านบาท) กำไรจากการดำเนินงาน 83.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,964 ล้านบาท) และผลขาดทุนสุทธิ 23.67 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 682.42 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการด้อยค่าเงินลงทุนจากการขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น และการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาท
บริษัทมีความคืบหน้าที่สำคัญในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การเสนอขายหุ้น IPO ของ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูในสหรัฐฯ ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) การขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซในญี่ปุ่น การได้รับเงินสนับสนุน (Subsidy) จากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) ในการพัฒนาโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มแห่งใหม่ 2 โครงการในญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการ Aizu (ไอสึ) และโครงการ Tsuno (ซึโนะ) กำลังการผลิตรวม 208 เมกะวัตต์ชั่วโมง คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/71 และการพัฒนาโครงการ CCUS ของ BKV ที่ชื่อว่าโครงการ Eagle Ford คาดว่าจะกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 90,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างสมบูรณ์ในไตรมาส 1/69
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มี.ค. 68)
Tags: BANPU, บ้านปู, สินนท์ ว่องกุศลกิจ, หุ้นไทย