
จีนเตรียมปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กขนาดใหญ่ผ่านการลดกำลังการผลิต แม้ไม่ได้ประกาศกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการแทรกแซงครั้งล่าสุดเพื่อแก้ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน ซึ่งเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดด้านการค้าโลก
จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตและบริโภคเหล็กรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะส่งเสริมการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กผ่านการลดกำลังการผลิต” รายงานของรัฐบาลจีนที่เผยแพร่ในวันนี้ (5 มี.ค.) ระบุ
“เราจะออกนโยบายและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมหลัก และยุติการแข่งขันที่รุนแรงผ่านกฎระเบียบและการยกระดับอุตสาหกรรม” รายงานระบุ
แม้ว่าจีนไม่ได้ระบุขนาดของการลดกำลังการผลิต แต่ราคาวัตถุดิบสำหรับการผลิตเหล็กลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า จีนจะลดกำลังการผลิตเหล็กดิบลงประมาณ 50 ล้านตัน
นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ประบุในบันทึกว่า “เมื่อตรวจสอบการประชุมสองสภาระหว่างปี 2562-2567 นี่นับเป็นครั้งแรกที่ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ของจีนเสนอให้ลดการผลิตเหล็กในร่างแผนงาน” โดยก่อนหน้านี้ NDRC ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงด้านอุตสาหกรรม การปล่อยคาร์บอน และการควบรวมอุตสาหกรรม
บรรดานักวิเคราะห์และเทรดเดอร์หลายรายให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าต้องการควบคุมการผลิตเหล็กในปีนี้
ผู้ผลิตเหล็กของจีนเผชิญปัญหากำไรลดลง เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาส่งผลให้ความต้องการใช้เหล็กภายในประเทศลดลง นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางการค้าจากการที่จีนส่งออกเหล็กราคาถูกจำนวนมากยังสร้างความกังวลต่อแนวโน้มการส่งออกในปีนี้
การส่งออกเหล็กของจีนที่เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยความต้องการในประเทศที่ลดลงนั้น ได้กระตุ้นให้หลายประเทศแสดงความไม่พอใจ โดยให้เหตุผลว่าการนำเข้าเหล็กราคาถูกจากจีนส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศของตน
เวียดนามและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสองตลาดส่งออกเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของจีนประกาศเมื่อเดือนก.พ.ว่า จะเรียกเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดกับผลิตภัณฑ์เหล็กบางประเภทจากจีน
ทั้งนี้ จีนเคยสั่งให้หยุดเพิ่มการผลิตเหล็กดิบในปี 2564 เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งหลังจากการตัดสินใจดังกล่าว การผลิตเหล็กของจีนลดลง 5.6% เหลือ 1.005 พันล้านตันในปีที่แล้ว จากระดับสูงสุดที่ 1.065 พันล้านตันในปี 2563
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มี.ค. 68)
Tags: การค้าโลก, จีน, อุตสาหกรรม, เหล็ก