“มิน อ่อง หล่าย” จ่อเข้าพบ “ปูติน” กระชับสัมพันธ์ทางทหาร-ศก.

พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา จะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ในวันนี้ (4 มี.ค.) ถือเป็นการเยือนรัสเซียครั้งที่ 4 ของมิน อ่อง หล่าย นับตั้งแต่การรัฐประหาร

สภาบริหารแห่งรัฐเมียนมาระบุในแถลงการณ์ก่อนการประชุมว่า ทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง พร้อมคาดว่าจะมีการลงนามในข้อตกลงทวิภาคีด้านพลังงาน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลปูตินได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคง เซอร์เก ชอยกู ไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย และจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับชาติพันธมิตรในเอเชีย

การฟื้นฟูเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายที่หยุดชะงักมานาน อาจเป็นประเด็นหารือระหว่างผู้นำทั้งสอง หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อสร้างท่าเรือและโรงกลั่นน้ำมันระหว่างการเยือนเมียนมาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว โครงการนี้อาจเป็นทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์สำหรับรัสเซียแทนการใช้ช่องแคบมะละกา

ทั้งนี้ เมียนมาเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของรัสเซียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาได้พึ่งพาอาวุธจากรัสเซียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารยังคงประสบความล้มเหลวในการสกัดกั้นการก่อกบฏที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศ นับตั้งแต่มิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจในการรัฐประหารปี 2564 และโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่นำโดยอองซาน ซูจี

สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองระบุว่า นับตั้งแต่รัฐประหาร รัฐบาลทหารเมียนมาได้สังหารพลเรือนไปแล้วอย่างน้อย 6,366 คน ส่งผลให้สหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรปได้ออกมาตรการคว่ำบาตรรัฐบาลทหารและหน่วยงานธุรกิจที่สำคัญหลายรอบ

ด้วยเศรษฐกิจเมียนมาที่กำลังทรุดตัวอย่างหนัก หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นายพลเหล่านี้จะรักษาอำนาจไว้ได้อีกนานเพียงใด โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธกำลังรุกคืบในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเปิดเผยเมื่อเดือนพ.ค. 2566 ว่า รัสเซียกับจีนเป็นผู้จัดหาระบบอาวุธขั้นสูงรายใหญ่ให้กับกองทัพเมียนมา โดยมีมูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์และ 260 ล้านดอลลาร์ตามลำดับนับตั้งแต่เกิดรัฐประหาร ด้านหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์และสื่ออื่น ๆ รายงานว่า รัฐบาลทหารได้ใช้เครื่องบินรบของรัสเซียในการโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้าน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 68)

Tags: , , , , , ,
Back to Top