
อินโดนีเซียประสบกับภาวะเงินฝืดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี เนื่องจากราคาไฟฟ้าและราคาอาหารหลัก ๆ ปรับตัวลดลง ซึ่งอาจเปิดทางให้ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย หากค่าเงินรูเปียห์มีเสถียรภาพ
สำนักงานสถิติของอินโดนีเซียเปิดเผยในวันนี้ (3 มี.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. ลดลง 0.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค 2543 และผิดไปจากที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้น 0.04%
ภาวะเงินฝืดดังกล่าวมีสาเหตุมาจากราคาที่อยู่อาศัย น้ำ ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงในครัวเรือนที่ปรับตัวลดลง ตลอดจนราคาอาหารหลัก เช่น ข้าว มะเขือเทศ และพริกแดงที่ยังคงลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า
การลดลงของ CPI รายปีส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางอินโดนีเซียที่ระดับ 1.5% – 3.5% สำหรับปี 2568
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน ยังคงเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.48% โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าบางรายการ เช่น ทองรูปพรรณ และน้ำมันปรุงอาหาร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 68)
Tags: อินโดนีเซีย, เงินฝืด, เศรษฐกิจอินโดนีเซีย