
นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช [PQS] เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2567 บริษัทมีรายได้ 2,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 2,325.4 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 241.1 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 77.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 135.8 ล้านบาท
สาเหตุหลักมาจากปริมาณขายแป้งมันฯ ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่ทำให้เกิดความคุ้มค่าในการผลิตที่ดี (economy of scale) แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยจะลดลง แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.8% จาก 5.7% ในปี 2566
ในปี 2567 บริษัทมีการใช้กำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลังในอัตรา 72% ของกำลังการผลิตตามฤดูกาล เพิ่มขึ้นจาก 66% ในปีก่อนเนื่องจากในปีนี้ภาพรวมวัตถุดิบหัวมันสำปะหลังสดในปีนี้ดีกว่าปี 2566 ทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพทำให้บริษัทมีวัตถุดิบมาใช้ในการผลิตแป้งมันฯ มากขึ้น โดยบริษัทมีสัดส่วนยอดขายแป้งมันส่งออก 74.9% ของยอดส่งออกแป้งมันฯ
“บริษัท มีโครงการก่อสร้างโรงงานใหม่ 2 แห่ง ในปี 2567 คือ โครงการเพื่อขยายฐานธุรกิจปัจจุบัน ซึ่งเป็นการสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น และ โครงการเพื่อต่อยอดสู่ธุรกิจปลายน้ำ เป็นโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Starch) ที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน และใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
ทั้ง 2 โครงการเปิดดำเนินการแล้วในช่วงปลายปี 2567 โดยโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์จะเพิ่มกำลังการผลิตของธุรกิจปัจจุบันกว่า 30% นอกจากนี้ โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ที่จังหวัดมุกดาหาร จะเริ่มผลิตสินค้า High Value ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและอำนาจต่อรองราคาขายมากขึ้น เนื่องจากจะเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร
โดยบริษัทคาดว่าในปี 2568 แป้งดัดแปรจะช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นราว 10% ของยอดขายรวมในปี 2568 และในอนาคตจะเป็นสินค้าสำคัญที่สร้างมูลค่าเพิ่ม จากการที่บริษัทเผชิญความท้าทายจากความผันผวนของหัวมันสำปะหลังสดซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้า ทำให้ในปี 2567 บริษัทได้ริเริ่มการวิจัยและพัฒนาการปลูกมันสำปะหลังเพื่อให้วัตถุดิบมีเพียงพอสำหรับป้อนเข้าโรงงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้บริษัทจะต่อยอดโครงการความร่วมมือกับเกษตรกรคิดค้นและปรับปรุงวิธีการปลูกมันสำปะหลังให้มีคุณภาพผลผลิตที่ดีขึ้น และมีปริมาณผลผลิตที่แน่นอนมากขึ้น
ขณะที่ภาพรวมส่งออกแป้งมันสำปะหลังของไทย ในปี 2567 อยู่ที่ 56,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.60% ซึ่งแม้ว่ายอดส่งออกไปยังจีนซึ่งเป็นตลาดหลักจะลดลงเล็กน้อย แต่การส่งออกไปยังตลาดอินโดนีเซียและสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 209% รวมทั้งส่งออกไปไต้หวันและมาเลเซียมียอดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ราคาส่งออกเฉลี่ยในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 440 ดอลลารสหรัฐ/ตัน
นายรัฐวิรุฬห์กล่าวอีกว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนหลังของปี 2567 ในอัตรา 0.10 บาท รวมเป็นเงิน 67 ล้านบาท จ่ายปันผลวันที่ 13 พ.ค. 2568 และกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 23 เม.ย. 2568 เพื่อขออนุมัติผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผล รวมปันผลทั้งปี 0.15 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7.25%
นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการประจำปี 2567 หรือ CG Scoring ในระดับ 4 ดาว หรือ”ดีมาก” ได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 และได้รับการรับรองเข้าร่วมเป็นภาคีต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นพัฒนาการด้านธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งของบริษัท บนพื้นฐานหลักการบริหารจัดการที่เป็นธรรม โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 68)
Tags: PQS, พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช, รัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร, หุ้นไทย