ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) โดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์นำตลาดร่วงลง ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ อาจเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับสหภาพยุโรป (EU)
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 557.11 จุด ลดลง 2.56 จุด หรือ -0.46%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,102.52 จุด ลดลง 41.40 จุด หรือ -0.51%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,550.89 จุด ลดลง 243.22 จุด หรือ -1.07% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,756.21 จุด เพิ่มขึ้น 24.75 จุด หรือ +0.28%
ดัชนีหุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของยุโรปร่วงลงมากกว่า 3.7% โดยหุ้นสเตลแลนทิส (Stellantis) ร่วง 5.2%, หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ร่วง 3.8% และหุ้นปอร์เช่ (Porsche) ร่วง 3.3%
หุ้นเฟอร์รารี (Ferrari) ดิ่งลงมากที่สุดถึง 7.9% หลังจากบริษัทเอ็กซอร์ (Exor) ขายหุ้นเฟอร์รารีประมาณ 4% คิดเป็นมูลค่า 3 พันล้านยูโร (3.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ระบุว่าจะตอบโต้ “อย่างเด็ดขาดและทันที” ต่ออุปสรรคทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากมาตรการภาษีของทรัมป์
“คำถามแรกคือคำขู่นี้จริงจังแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาเราเห็นว่า เขาใช้มันเป็นเครื่องมือในการเจรจา” อีวาน มามาเลต นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก SG Kleinwort Hambros กล่าว
“อียูนำเข้าบริการจากสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ซึ่งอาจใช้เป็นมาตรการตอบโต้และช่วยหลีกเลี่ยงภาษีได้ นอกจากนี้ การส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนที่ไม่มากเมื่อเทียบกับจีดีพีของยูโรโซน ดังนั้นผลกระทบจึงอยู่ในระดับปานกลาง”
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 2.2% โดยหุ้นเอสเอพี (SAP) และ เอเอสเอ็มแอล (ASML) ร่วงลง หลังผลประกอบการของอินวิเดีย (Nvidia) ผู้นำด้าน AI ของสหรัฐฯ ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับนักลงทุน
แม้ว่าหุ้นส่วนใหญ่ในดัชนี STOXX 600 ปิดลบ แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ระบบชำระเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งรองรับการทำธุรกรรมมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวันกำลังเผชิญปัญหาขัดข้อง ซึ่งอาจทำให้การชำระเงินล่าช้า
ส่วนผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า ECB มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีกครั้งลงสู่ระดับ 2.5% ในสัปดาห์หน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.พ. 68)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป