ทางการจีนกำลังออกมาตรการใหม่ ๆ เพื่อจำกัดการไหลออกของเงินทุน รวมถึงเพิ่มการตรวจสอบการลงทุนในต่างประเทศ ขณะที่ค่าเงินหยวนเผชิญแรงกดดันมากขึ้น
คำขู่เรื่องการเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทำให้ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ รุนแรงขึ้น และยังส่งผลให้การลงทุนจากต่างประเทศลดลง ขณะที่เงินหยวนอ่อนค่าลง 2.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. 2567
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในสัปดาห์นี้ว่า จีนได้เพิ่มการตรวจสอบการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทจีน และการใช้เงินที่ได้จากการขายหุ้นในตลาดฮ่องกง
ขณะเดียวกัน ข้อมูลทางการระบุว่า ในเดือนม.ค. ธนาคารพาณิชย์ของจีนขายเงินตราต่างประเทศให้กับลูกค้ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2567 ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
อัตราการแปลงค่าเงิน (conversion ratio) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเต็มใจของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในการขายดอลลาร์เพื่อแลกเป็นเงินหยวน ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
ซินฉวน เฉิน นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า บัญชีเดินสะพัดของจีนแสดงให้เห็นว่ามีเงินทุนไหลออกจำนวนมากในเดือนม.ค.
ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของจีนที่ลดลง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงินหยวนไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในประเทศ โดยส่วนต่างอัตราผลตอบแทนนี้ขยายตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค.
อัลวิน ตัน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ค่าเงินเอเชียของอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า “อุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอและอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันค่าเงินหยวน”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.พ. 68)
Tags: การลงทุน, จีน, เงินทุนไหลออก, เงินหยวน