PTG วางเป้าโตต่อเนื่องทุกมิติ โชว์กำไรปี 67 ทะลุพันล้าน ยอดขาย Oil ออลไทม์ไฮ Non Oil โดดเด่น-พันธุ์ไทยเด้งแรง

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี [PTG] เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 67 มีกำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากงวดปีก่อน และมีกำไรต่อหุ้น 0.61 บาท การเติบโตดังกล่าวมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 27,002 ล้านบาท เป็น 225,813 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil ที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องเป็น 6,708 ล้านลิตร เติบโต 12.5% คิดเป็นการจำหน่ายผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการ PT จำนวน 6,548 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 12.9% จากปีก่อน และสูงกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมมากกว่า 10 เท่า

จากภาพรวมปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศผ่านสถานีบริการมีการเติบโตเพียง 0.4% จากปีก่อน ส่งผลทำให้บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% เทียบกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ 19.5% โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales Growth: SSSG) ผ่านกลุ่มลูกค้าสมาชิก Max Card และ Max Card Plus (กลุ่มลูกค้าสมาชิก) เป็นหลัก รวมถึงบริษัทมีการขยายสถานีบริการน้ำมัน PT เพิ่มขึ้น 1.3% YoY เป็น 2,229 สถานี

นอกจากนี้ PTG ยังมีรายได้จากการขายและการให้บริการธุรกิจ Non-Oil เท่ากับ 17,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.2% จากปีก่อน โดยธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 82.6% จากปีก่อนเป็น 2,266 ล้านบาท จากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น 465 สาขา จาก 882 สาขา เป็น 1,347 สาขา หรือเพิ่มขึ้น 52.7% หรือคิดเป็นการขยายเฉลี่ย 1.3 สาขาต่อวัน รวมถึงการใช้บริการอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าสมาชิกเป็นหลัก ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กำไรขั้นต้นในปี 67 มีจำนวน 14,770 ล้านบาท เติบโต 14.3% จากปีก่อน การเพิ่มขึ้นหลัก ๆ มาจากธุรกิจ Non-Oil ที่เติบโต 34.5% เป็น 3,688 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีการเติบโตของกำไรขั้นต้น 80.2% เป็น 1,207 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจ Oil มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 902 ล้านบาท หรือ 8.9 % จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

นายพิทักษ์ กล่าวถึงทิศทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปี 68 เชื่อว่าจะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้บริษัทคงเน้นการขยายเครือข่ายธุรกิจในทุกมิติ พร้อมพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันธุรกิจ Oil ไว้ที่ 5-10% จากปีก่อน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการขยายสถานีบริการ การพัฒนาคุณภาพบริการ และการเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ รวมถึงปัจจัยมหภาคยังมีบทบาทสำคัญต่อแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมัน โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในกรอบ 2.3-3.3%

สำหรับปัจจัยภายใน บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายสถานีบริการ PT อย่างต่อเนื่อง เน้นทำเลศักยภาพ ควบคู่กับการ Renovate สถานีบริการและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การเติบโตของฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ PT โดยตรงจากพฤติกรรมการใช้ซ้ำและสิทธิประโยชน์ที่ออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

พร้อมกันนี้ ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสถานีบริการให้ทันสมัย รองรับทั้งระบบดิจิทัลและการให้บริการที่ครบวงจร เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้เหนือกว่าการเป็นเพียงสถานีเติมน้ำมัน โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสถานีบริการให้ครบ 2,279 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ 68

ส่วนธุรกิจ Non-Oil ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ (ไม่รวม LPG) ที่ 40-50% จากปีก่อน โดยมุ่งเน้นขยาย Touchpoints อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า โดยมีเป้าหมายขยายธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมธุรกิจ LPG) เป็น 2,978 สาขา รวมถึงการขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีอยู่กว่า 2,000 สาขา และเพิ่ม Touchpoints อื่นๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil เป็น 1,031 สาขา

นายพิทักษ์ กล่าวว่า กาแฟพันธุ์ไทยยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของธุรกิจ Non-Oil ด้วยการขยายสาขาอย่างมีนัยสำคัญในปี 68 โดยใช้กลยุทธ์เลือกทำเลศักยภาพสูงเพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าเป้าหมาย ฐานข้อมูลสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดพื้นที่ขยายสาขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นย่านใจกลางเมือง (CBD), หัวเมืองหลัก, ศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้า, สถานที่ราชการ, โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย เป็นต้น

การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทยไม่ได้มาจากเพียงการขยายสาขาเท่านั้น แต่ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตของ SSSG ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการของลูกค้าสมาชิกและบุคคลทั่วไปที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค จากกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าสัดส่วนกำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-Oil จะอยู่ที่ 30-35% ของกำไรขั้นต้นรวม เพิ่มขึ้นจาก 25% ในปี 67 นอกจากนั้นกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ที่สูงขึ้นยังเกิดจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และการพัฒนาแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการใช้บริการซ้ำ

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยาย Autobacs, Max Mart และ Subway ซึ่งเป็น Touchpoints สำคัญที่ช่วยเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดย Autobacs จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ Max Mart ขยายตัวเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่เข้าถึงง่ายและ Subway ช่วยเพิ่มทางเลือกด้านอาหารเพื่อสุขภาพให้กับลูกค้าในสถานีบริการน้ำมันและพื้นที่เชิงพาณิชย์ด้วย

ด้านนายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและความยั่งยืน PTG กล่าวว่า บริษัทตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง จึงผนวกความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์การดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อหวังเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข”ในทุกด้านของช่วงชีวิต ด้วยจุดประสงค์ในการขับเคลื่อนองค์กรอย่างยังยืนในทุกมิติ เพื่อเน้นย้ำความพยายามในการรักษาสมดุลระหว่างการดำเนินงานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ในช่วงไตรมาส 4/67 บริษัทได้ดำเนินโครงการต่างๆ ด้วยเจตนารมณ์ในการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี ในการดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน อาทิ การจัดกิจกรรมภายใต้โครงการ “ค่ายอาสา PT ทำจริงไม่ทิ้งกัน” ซึ่งเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชนให้อยู่ดีมีสุข, ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์รับซื้อสินค้าเกษตรต่างๆ เพื่อช่วยลดผลกระทบจากผลผลิตล้นตลาดและนำมาจัดแคมเปญให้กับลูกค้าบัตรสมาชิก Max Card ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน สร้างความยั่งยืนให้เกษตรไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ โดยดำเนิน โครงการ “พีที ปลูกป่าสร้างสุขสู่ชุมชน” ถือเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.พ. 68)

Tags: , , ,
Back to Top