
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้มีมติรับรองร่างข้อมติของสหรัฐฯ ที่แสดงจุดยืนเป็นกลางต่อสงครามในยูเครน เนื่องในวาระครบรอบ 3 ปีของการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญของรัฐบาลทรัมป์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ข้อมติดังกล่าวมีเนื้อหาสั้นกระชับ โดยเน้นแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตใน “ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน” และเรียกร้องให้มีการยุติความขัดแย้งโดยเร็ว ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เคยแสดงการสนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจนตลอดช่วงสงคราม
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงท่าทีประนีประนอมกับรัสเซียมากขึ้น และพยายามผลักดันบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะตัวกลางเจรจาสันติภาพ
ทางด้านวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ (UN) ได้ยอมรับว่ามี “การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก” ในจุดยืนของสหรัฐฯ แม้จะระบุว่าข้อมติดังกล่าว “ไม่ใช่ฉบับที่สมบูรณ์แบบ” แต่ก็เป็น “จุดเริ่มต้นสำหรับความพยายามในการยุติความขัดแย้งอย่างสันติในอนาคต”
ข้อมตินี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา UNSC ซึ่งมีสมาชิก 15 ประเทศ ไม่เคยสามารถดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับสงครามยูเครนได้ เพราะรัสเซียมีสิทธิ์ยับยั้ง (วีโต้) มติใด ๆ ที่ตนไม่เห็นด้วย
UNSC รับรองข้อมตินี้ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 10 เสียง โดยมี 5 ประเทศงดออกเสียง ได้แก่ ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เดนมาร์ก, กรีซ และสโลวีเนีย ขณะที่รัสเซียลงคะแนนสนับสนุน หลังจากที่ไม่สามารถแก้ไขข้อมติ และได้ใช้สิทธิ์วีโต้ความพยายามของชาติยุโรปในการเพิ่มข้อความสนับสนุนยูเครน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับยูเครนและพันธมิตรยุโรป ที่เกรงว่าอาจถูกกีดกันออกจากการเจรจาสันติภาพ
บาร์บารา วูดเวิร์ด เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำ UN ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า เงื่อนไขของสันติภาพในยูเครนมีความสำคัญอย่างยิ่ง และต้อง “ส่งสัญญาณว่าการรุกรานไม่ก่อให้เกิดประโยชน์” โดยเน้นย้ำว่า “ไม่สามารถมีความเท่าเทียมกันระหว่างรัสเซียกับยูเครนในการอ้างถึงสงครามนี้ หากเราต้องการหาเส้นทางสู่สันติภาพที่ยั่งยืน คณะมนตรีฯ ต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับต้นตอของสงคราม”
ขณะเดียวกัน นิโคลัส เดอ ริวิแยร์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำ UN ได้กล่าวว่า แม้ฝรั่งเศสจะ “มุ่งมั่นต่อสันติภาพในยูเครน” แต่ทางการฝรั่งเศส “เรียกร้องให้มีสันติภาพที่ครอบคลุม ยุติธรรม และยั่งยืน ไม่ใช่การยอมจำนนของเหยื่อ”
ทั้งนี้ ในการลงคะแนนที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ข้อมติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการแก้ไขแล้ว ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียง และคัดค้าน 8 เสียง โดยรัสเซียพยายามแก้ไขข้อความให้มีการอ้างอิงถึง “สาเหตุที่แท้จริง” ของความขัดแย้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ส่วนข้อมติอีกฉบับที่ร่างโดยยูเครนและชาติยุโรป ผ่านด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 93 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง และคัดค้าน 18 เสียง โดยสหรัฐฯ, รัสเซีย, เกาหลีเหนือ และอิสราเอล อยู่ในกลุ่มประเทศที่ลงคะแนนคัดค้าน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 68)
Tags: UNSC, ยูเครน, รัสเซีย, สหรัฐ