หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ไร้ปัจจัยใหม่รอลุ้นผลประชุม กนง.-ตัวเลข PCE สหรัฐ

นักวิเคราะห์ฯเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ไร้ปัจจัยหนุนใหม่ และยังรอติดตามปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะประชุม กนง.กลางสัปดาห์ และตัวเลข PCE เดือนม.ค.ของสหรัฐ รวมถึงความคืบหน้าประเด็นสงครามการค้า ซึ่งมีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้น พร้อมให้แนวต้าน 1,255-1,260 จุด แนรับ 1,230-1,235 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ไร้ปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่ตลาดรอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ทำให้ดัชนียังเป็นภาพของการแกว่งตัวในกรอบเพื่อรอปัจจัยต่าง ๆ

ปัจจัยภายนอกก็ยังต้องรอติดตามต่อเนื่องเกี่ยวกับประเด็นของสงครามการค้าของสหรัฐ ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน และปลายสัปดาห์นี้จมีการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค.ของสหรัฐ ซึ่งมีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่เปิดแล้วเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

วันนี้ให้แนวต้าน 1,255-1,260 จุด แนรับ 1,230-1,235 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,428.02 จุด ลดลง 748.63 จุด หรือ -1.69%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,013.13 จุด ลดลง 104.39 จุด หรือ -1.71% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,524.01 จุด ลดลง 438.36 จุด หรือ -2.20%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 23,472.14 จุด ลดลง 5.78 จุด หรือ -0.02% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,374.08 จุด ลดลง 5.03 จุด หรือ -0.15% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดลบ 0.81% และดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดปรับตัวลง 0.71% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ก.พ.) 1,246.21 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด, +0.05% มูลค่าซื้อขาย 48,515.76 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (21 ก.พ.) 670.77 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(21 ก.พ.) ร่วงลง 2.08 ดอลลาร์ หรือ 2.87% ปิดที่ 70.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ก.พ.) อยู่ที่ 3.34 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด เปิด 33.53 แข็งค่าตามภูมิภาค สัปดาห์นี้รอลุ้นมติดอกเบี้ย กนง.
  • “คลัง” โชว์ยอดจัดเก็บรายได้ 4 เดือนแรก ปีงบ 68 อยู่ที่ 8.26 แสนล้านบาท ทะลุเป้า 1 หมื่นล้านบาท ฟุ้งอานิสงส์รีดภาษี VAT ด้านสรรพากร-สรรพสามิต-ศุลกากร ระเบิดฟอร์มรีดภาษีกระฉูด 8.58 แสนล้านบาท มั่นใจสิ้นปีรีดภาษีเข้าเป้าฉลุย
  • “นักเศรษฐศาสตร์” มอง ไม่ปิดประตู กนง. “ลดดอกเบี้ย” ด้าน “ซีไอเอ็มบีไทย” ฟันธง “ลดดอกเบี้ย” รอบนี้ สอดรับเศรษฐกิจชะลอกว่าคาด หนี้ครัวเรือนลด แบงก์เข้มปล่อยกู้ “แบงก์กรุงเทพ” มองยังมีโอกาสให้ลดดอกเบี้ยได้ ชี้หากผลกระทบแรงกว่าคาดอาจเห็นกนง. ลดดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง “เคเคพี” ชี้รอนโยบาย ทรัมป์ชัดเจนเม.ย. นี้
  • เปิดฉากรบชิงอำนาจสภาสูง เดิมพันเกมอำนาจระหว่าง “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้า กับ “ครูใหญ่” บ้านสีน้ำเงิน ที่คอยบัญชาการเกมรบผ่าน “ตัวแสดงแทน”
  • “โจรใต้” ป่วนนราธิวาส-ยะลา “วางคาร์บอมบ์-ขว้างประทัดยักษ์” ชาวบ้านเสียชีวิต 1 กำลังพลบาดเจ็บ 7 นาย รับ “ทักษิณ-ภูมิธรรม-ทวี” ลงพื้นที่นราธิวาส ด้าน “ทักษิณ” เมินคนร้ายป่วนต้อนรับ ยันเดินหน้าพัฒนาชายแดนใต้ ยันต้องพูดคุยผู้เห็นต่างแก้ปัญหาร่วมกัน พร้อมน้อมนำแนวราชพระราชดำริ “ในหลวง ร.9” ปลื้มคนนราฯ แห่ต้อนรับอบอุ่นในรอบ 19 ปี

*หุ้นเด่นวันนี้

  • STGT (ลิเบอเรเตอร์) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.30 บาท/หุ้น คาดจะได้ประโยชน์จากการที่จีนถูกขึ้นภาษีนำเข้าในสหรัฐ ขณะที่ไทยมีความได้เปรียบหากเทียบกับประเทศที่เหลือจากอัตราภาษีที่ถูกกว่า มองบวกต่อธุรกิจหลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรมและสต็อกลดลง แต่การแข่งขันจะมากขึ้นและราคายางเพิ่มขึ้นทำให้การดำเนินงานจะได้รับผลจากปัจจัยดังกล่าว แต่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง 6.3% น่าพอใจ
  • GPSC (อินโนเวสท์เอ็กซ์) มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับตัวลงของราคาก๊าซฯ และ Bond Yield และเตรียมถูกเข้าคำนวณใน MSCI Global Small Cap (มีผลราคาปิดวันที่ 28 ก.พ. นี้) ปัจจุบันยังเห็นปัจจัยหนุน ได้แก่ การเพิ่มกำลังการผลิต, การได้รับการคัดเลือกโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก และไม่มีผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล
  • BCH (กสิกรไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 18.30 บาท แม้คาดผลประกอบการในไตรมาส 4/67 จะอ่อนแอจากการปรับลดรายได้ประกันสังคมกลุ่ม High cost care ที่จะบันทึกที่ 8,000 บาท/RW สำหรับ 6 เดือนของปี 67 คาดกระทบรายได้ราว 160 ล้านบาท แต่มองเป็นจุดต่ำสุดและเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากในปี 68 ประกันสังคมจะประกันการจ่าย High cost care ที่ระดับ 12,000 บาทต่อ RW โดยเราคาดรายได้จะเติบโตในระดับสองหลักในปีนี้และจำนวนผู้ประกันตนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 68)

Tags: , , ,
Back to Top