
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น [WHA] เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 67 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 14,342 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4,359 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 14,303 ล้านบาท และกำไรปกติ 4,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% (Y-Y) เมื่อเทียบกับปีก่อน
ปัจจัยที่ทำให้กำไรปกติ สร้างสถิติใหม่ New Record High เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้นของ 5 กลุ่มธุรกิจ ทั้ง โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและไฟฟ้า ดิจิทัล และ ล่าสุดโมบิลิตี้ โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์โมบิลิกส์ (Mobilix) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHAIR มูลค่ารวม 1,065 ล้านบาท
ธุรกิจโลจิสติกส์ ในปี 2567 มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยได้ลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มรวม 162,177 ตร.ม. และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง 115,511 ตร.ม. ส่งผลให้มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 3,108,190 ตร.ม. โดยในปี 67 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 1,633 ล้านบาท
ด้วยความต้องการพื้นที่เช่าที่ยังสูงต่อเนื่อง ในปี 68 บริษัทฯ จึงเร่งพัฒนาโครงการใหม่ สำหรับประเทศไทยมีแผนขยายโครงการสำคัญในทำเลที่มีศักยภาพรวมพื้นที่กว่า 380,000 ตร.ม. ส่วนเวียดนาม โครงการคลังสินค้าโลจิสติกส์แห่งแรกขนาด 37,000 ตร.ม.ก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการต้นปี นอกจากนี้ บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่
ส่วน บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) ประกาศมุ่งสู่การยกระดับ จาก 3PL เป็น 4PL โดยอาศัยจุดแข็งและความเชี่ยวชาญร่วมของ WHA และ GC เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจโลจิสติกส์ ในการขยายขอบเขตการให้บริการสู่การวางแผน ออกแบบ และบูรณาการระบบโลจิสติกส์ อย่างครบวงจร
สำหรับ Office Solutions ปัจจุบัน มี 6 โครงการในกรุงเทพฯ บนพื้นที่กว่า 120,000 ตร.ม. โดยล่าสุดเปิดให้บริการแล้วในปี 67 ได้แก่ โครงการ Qube ไลฟ์สไตล์ รีเทลสเปซ พื้นที่ 3,000 ตร.ม. อยู่ติดสถานี BTS สุรศักดิ์ และยังมีโครงการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในย่านสาทร พื้นที่ 6,900 ตร.ม. คาดว่าแล้วเสร็จในไตรมาส 3/68
WHA ตั้งเป้ากลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ในปีนี้ โดยการเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเป็นประมาณ 3,309,000 ตร.ม. โดยมีโครงการให้เช่าพื้นที่ใหม่ประมาณ 200,000 ตร.ม.(ไทย 163,000 ตร.ม./ เวียดนาม 37,000 ตร.ม.) ขณะที่กองทรัสต์ มีแผนการขายทรัพย์สินและ/หรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART รวมประมาณ 70,000 ตร.ม. มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท
ธุรกิจโมบิลิตี้ ในปี 67 เปิดตัวโซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ Mobilix 3 บริการหลัก ได้แก่ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะ โดย ณ สิ้นปี 67 มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 330 คัน
และในปี 68 บริษัทมุ่งสร้าง Built-to-Suit EV ecosystem of Logistics ที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) และการให้บริการอย่างครบวงจร โดยตั้งเป้ามีรถ EV ภายใต้การบริการเช่ารถรวม 1,700 คัน และเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 คัน ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ในปี 67 มียอดขายที่ดินสูงต่อเนื่องรวม 2,565 ไร่ (ไทย 2,453 ไร่ / เวียดนาม 112 ไร่) และยอด MOU รวม 716 ไร่ (ไทย 696 ไร่/เวียดนาม 20 ไร่) และสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนิคมฯ 6,187 ล้านบาท ยังคงได้รับปัจจัยบวกจากราคาขายที่ดินปรับตัวขึ้น รวมถึงอานิสงส์การย้ายฐานการลงทุน/การผลิต (Relocation) และการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่ใกล้กับตลาด (Nearshoring) ที่ยังคงมีเข้ามาต่อเนื่อง ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ
ณ สิ้นปี 67 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 1,535 ไร่ (ไทย 1,530 ไร่ / เวียดนาม 5 ไร่) โดยบริษัทมีลูกค้ารายสำคัญ อย่าง Google เซ็นสัญญาซื้อที่ดินเพื่อสร้าง Data Center แห่งแรกในประเทศไทย และ Haier สร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศครบวงจรแห่งใหม่ อีกทั้งไตรมาส 4/67 มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีแผนสร้าง Data Center ในไทยเพิ่มอีก 1 โครงการ รวมทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์จากจีน ญี่ปุ่น และยุโรป อีกหลายโครงการ
ณ สิ้นปี 67 บริษัทมีทั้งหมด 15 นิคมอุตสาหกรรม (ไทย 14 แห่ง / เวียดนาม 1 แห่ง) โดยมีพื้นที่นิคมฯ ในไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 7 โครงการ บนพื้นที่ 8,810 ไร่ เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในเวียดนาม ขณะนี้มี 2 โครงการ ขนาดพื้นที่รวม 2,297 ไร่ (368 เฮกตาร์) ได้รับการอนุมัติใบอนุญาตลงทุนแล้ว และ 1 โครงการ ขนาด 1,094 ไร่ (175 เฮกตาร์) อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตลงทุน ล่าสุดช่วงเดือน ม.ค.68 บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม 2 แห่ง พื้นที่รวม 4,000 ไร่ (640 เฮกตาร์)
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินรวมไว้ที่ 2,350 ไร่ (ไทย 1,700 ไร่ / เวียดนาม 650 ไร่) โดยมุ่งเน้นการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เป็นต้น
ธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) ในปี 67 บริษัทรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนี้ 3,040 ล้านบาท ปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร ดีขึ้นต่อเนื่องทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added product) ซึ่งมีปริมาณความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณการจำหน่ายน้ำในเวียดนามของโครงการ Doung River ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการขยายพื้นที่การให้บริการให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่
ในปี 68 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมที่ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร (ไทย 132 ล้านลูกบาศก์เมตร / เวียดนาม 41 ล้านลูกบาศก์เมตร) และยังมุ่งเน้นธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร
ธุรกิจไฟฟ้า ในปี 67 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เท่ากับ 494 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าเท่ากับ 841 ล้านบาท ด้านธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีจำนวนเซ็นสัญญา Private PPA สะสม 290 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้น 965 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 701 เมกะวัตต์ (เป็นพลังงานหมุนเวียนจำนวน 173 เมกะวัตต์) และอยู่ระหว่างการพัฒนา 264 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด
ในปี 67 บริษัทฯ มีปริมาณขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 158 กิกะวัตต์ชั่วโมง เพิ่มขึ้นกว่า 35% จากปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยบริษัทมีโครงการก่อสร้างซึ่งคาดจะแล้วเสร็จภายในปี 68 กว่า 100 เมกะวัตต์ โดยบริษัทตั้งเป้าสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้วในปีนี้ 1,185 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าเป็นพลังงานหมุนเวียนจำนวน 657 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ถึง 635 เมกะวัตต์
ธุรกิจดิจิทัล ในปี 67 บริษัทยังมุ่งผลักดันไปสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) พร้อมมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อาทิ การพัฒนาโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการรถ EV และแบตเตอรี่ ส่งผลให้ตั้งเป้ายอดการใช้งานแพลตฟอร์มที่ 900 คันในปี 68 และเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 คันภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ล่าสุด บริษัทเปิดให้บริการ WHASApp อย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างลูกค้าและทีมงาน WHA ได้แบบ real-time
สำหรับปี 68 WHA Digital เร่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจต่างๆ ใน WHA Group ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่าง AI และ IoT ซึ่งปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 12 โครงการ พร้อมตั้งเป้าหมายในการพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่สำหรับให้บริการภายใน WHA Group ภายในปี 68
นางสาวจรีพร กล่าวว่า จากแผนการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 68 ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนรวมประมาณ 20,000 ล้านบาท สำหรับ 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์ จำนวน 4,000 ล้านบาท ธุรกิจโมบิลิตี้ จำนวน 1,500 ล้านบาท ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 9,900 ล้านบาท ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน จำนวน 4,500 ล้านบาท และธุรกิจดิจิทัล จำนวน 450 ล้านบาท ซึ่งงบดังกล่าว สอดรับกับแผนการลงทุน 5 ปี ( 2568-2572 ) ของ WHA Group ที่วางยุทธ์ศาสตร์การลงทุน ใน 5 กลุ่มธุรกิจภายใต้งบลงทุนรวม 119,000 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 68)
Tags: Mobilix, WHA, จรีพร จารุกรสกุล, ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น, นิคมอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภค, โลจิสติกส์, ไฟฟ้า