เคลียร์ดราม่าประกันสังคม!! “พิพัฒน์” vs “รักชนก” ฉะเดือด

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน และน.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ออกรายการโทรทัศน์พร้อมหน้าเพื่อพูดคุยในประเด็นของงบประกันสังคม รวมไปถึงปัญหาเชิงโครงสร้างต่าง ๆ ที่กำลังติดเทรนด์ในขณะนี้

น.ส.รักชนก ได้ซักถามถึงประเด็นการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ที่ล่าสุดมีข้อมูลว่าบอร์ดแพทย์ เตรียมเดินทางไปประเทศอิตาลี เพื่อทิ้งทวนดูงานของบอร์ดแพทย์ชุดนี้ก่อนหมดวาระ รวมไปถึงการแต่งตั้งบอร์ดแพทย์ชุดใหม่ที่มีความเป็นห่วงว่าจะมีการกีดกันสัดส่วนจากผู้ประกันตนเข้าร่วม

*รมว.แรงงาน ยืนยันไปดูงาน กลับมาพัฒนาตลอด-เปิดกว้างตั้งบอร์ดแพทย์ชุดใหม่

นายพิพัฒน์ กล่าวชี้แจงว่า การเดินทางไปดูงานต่างประเทศที่ผ่านมา ยืนยันได้ว่า ได้ผลงานกลับมา เชื่อว่าประกันสังคมมีการพัฒนามาโดยตลอด

สำหรับบอร์ดแพทย์ ที่จะหมดอายุในวันที่ 27 ก.พ. นี้ และจะมีการแต่งตั้งบอร์ดแพทย์ชุดใหม่ เรื่องนี้ได้มีการหารือระหว่างกัน และให้สิทธิเปิดกว้างบอร์ดประกันสังคมก้าวหน้าอยู่แล้ว เพื่อให้เข้ามาช่วยกันออกความเห็นและทำงานร่วมกัน

“ให้ความสำคัญเรื่องกองทุนประกันสังคมมากที่สุด เพราะไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ได้มีการหารือกับสำนักงานประกันสังคมมาตลอด ว่าผู้ประกันตนมีปัญหาอะไร ต้องการอะไร และต้องรีบแก้ปัญหาพัฒนาให้สะดวกขึ้น” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องที่ฝ่ายราชการสมัยที่แล้วเสนอร่างกฎหมายให้ยกเลิกการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม โดยเป็นการเสนอกฎหมายในช่วงโควิด-19 ซึ่งไม่สามารถจัดประชุมได้ และให้พิจารณาการประชุมเป็นครั้ง ๆ ไป นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย และรัฐบาล ขอยืนยันว่า บอร์ดประกันสังคมต้องมาจากการเลือกตั้งเหมือนเดิม

ส่วนประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ผู้บริหารจัดการสำนักงานประกันสังคมมาจากส่วนราชการ ซึ่งอาจไม่เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารบอร์ดฯ เท่าที่ควร จึงควรนำผู้เชี่ยวชาญมาบริหารเพราะเป็นโครงสร้างที่ใหญ่มากนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การนำมืออาชีพเข้ามาบริหารนั้น ในระบบราชการในปัจจุบันไม่สามารถทำได้ ต้องปรับปรุงกฎหมายประเทศไทยใหม่ทั้งหมด ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า ประกันสังคมมีขนาดใหญ่มากขนาดที่สามารถยกออกมาเป็นอีกกระทรวงหนึ่งได้เลย และสามารถสรรหา CEO มานั่งได้ อย่างไรก็ดี ในโครงสร้างปัจจุบัน ก็สามารถพัฒนาได้ โดยใช้การแทรกที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเข้าไปในบอร์ดประกันสังคม

*พร้อมทบทวนงบฯ จัดทำปฏิทิน

ในส่วนของประเด็นเรื่องงบในการทำปฏิทิน 10 ปี เกือบ 600 ล้านบาทนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ใช้งบสำหรับปฎิทินไปปีละประมาณ 55 ล้านบาท ซึ่งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ คือสามารถดูสิทธิประกันสังคมจากปฎิทินได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้กำลังทำประชาพิจารณ์ว่า ในปีถัด ๆ ไปสุดท้ายแล้วผู้ประกันตนยังต้องการปฏิทินอยู่หรือไม่ ซึ่งถ้าสรุปว่าไม่ต้องการแล้ว ก็จะนำงบนี้ไปประชาสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น ๆ แทน

*วางเป้าผลตอบแทนประกันสังคมทะลุเป้าแตะ 6-8%

สำหรับผลตอบแทนของกองทุนประกันสังคม ในปี 66 ได้ผลตอบแทน 3.11% ปี 67 ได้ 5.34% ส่วนปีนี้ก็มั่นใจว่าปีนี้ได้เกิน 5% ตามเป้าที่ตั้งไว้ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า พยายามทำให้ทะลุเป้าหมาย เพราะยังมีโอกาสที่จะไปได้มากกว่านี้ถึง 6-8% เพื่อให้กองทุนประกันสังคมยืดอายุไปได้ ซึ่งประกันสังคมจะต้องเข้าไปทำการบ้านอย่างหนัก เนื่องจากการจ้างงานคงที่ แต่ผู้ที่จะรับผลตอบแทนหรือผู้เกษียณอายุจะเพิ่มขึ้นทุกปี อย่างไรก็ดี ทุกพรรคการเมืองต้องช่วยกันดูแล

*เร่งประชุมปรับขึ้นค่าแรงอีกรอบราวปลายก.พ.-ต้นมี.ค.

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการปรับขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ กำลังจะจัดประชุมอีกครั้งช่วงปลายเดือนก.พ.-ต้นมี.ค. 68 ซึ่งจะประกาศค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ โดยจะรีบจัดประชุมเพื่อให้มีผลสรุปก่อนบอร์ดไตรภาคีเรื่องค่าแรงขั้นต่ำจะหมดวาระในเดือนมี.ค. นี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 68)

Tags: , ,
Back to Top