
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทุนธนชาต [TCAP] กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจในปี 67 ที่มีการอัตราการขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ และเป็นการเติบโตแบบไม่ทั่วถึง กลุ่มธนชาตจึงให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงของบริษัทในกลุ่ม และดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องมาจากปีก่อน ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมในปี 67 จำนวน 7,027 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท 6,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท 6,603 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ TCAP ลงทุนในบริษัทร่วมที่เติบโตขึ้นถึง 19% YoY ตามผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากผ่านช่วงโควิด-19 มา
อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลงตามปริมาณสินเชื่อเช่าซื้อของราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ที่ปรับลดลง ตามนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นและการชะลอตัวของตลาดรถบรรทุก และการผิดนัดชำระหนี้ลูกค้าบัญชีกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์และการปิดสถานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในไตรมาสสุดท้ายของปี แต่ในภาพรวมแล้ว ผลการดำเนินงานของปี 67 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่ม”
สำหรับปี 68 เศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญความกดดันจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน อาทิ นโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงและยังคงเติบโตแบบไม่ทั่วถึง และอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของ TCAP
ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเติบโตแบบไม่ทั่วถึงดังกล่าว การดำเนินธุรกิจของกลุ่มธนชาตในปี 68 จึงยังคงเน้นเรื่องการสร้างความมั่นคงของบริษัทในกลุ่ม และดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจอื่นๆที่มีศักยภาพต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 68)
Tags: TCAP, ทุนธนชาต, สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ, หุ้นไทย