
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินยอดขายของธุรกิจค้าปลีกในปี 2568 จะขยายตัว 3.0% ต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 4.25 ล้านล้านบาท เนื่องจากมีหลายปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การเติบโตของยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคยังมีความไม่แน่นอน สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retail Sale Index: RSI) เดือน ม.ค.68 ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 หลังจากขยับขึ้นไปเกินที่ระดับ 50 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายลงจากช่วงปลายปีที่เป็นเทศกาลปีใหม่ รวมถึงการหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่ฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับเสี่ยงต่อสุขภาพ
โดยช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ชัดเจนต่อยอดขายและความเชื่อมั่นของธุรกิจค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ค่าครองชีพที่สูง และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคยังต้องวางแผนใช้จ่ายอย่างรัดกุม รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่องในฝั่งผู้ประกอบการ ทั้งกับคู่แข่งในประเทศและต่างประเทศผ่านสินค้านำเข้า
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt (E-Tax) หนุนยอดขายบางส่วนให้กับค้าปลีก Modern Trade แต่ภาพรวมน่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายได้น้อยกว่าปีก่อน โดยเฉพาะเงื่อนไขของการใช้จ่ายกลุ่ม 20,000 บาท ในหมวดสินค้า OTOP หรือผ่านร้านค้าวิสาหกิจชุมชน ที่อาจจะเป็นข้อจำกัดในการเข้าถึงและเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค ทั้งนี้ สินค้าที่จะได้รับอานิสงส์ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอาหารและของใช้ส่วนตัวที่เป็นสินค้าจำเป็น รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องมือสื่อสาร ที่ผู้บริโภคมีแผนที่จะซื้อ/เปลี่ยนรุ่นใหม่
ส่วนมาตรการแจกเงินเฟส 3 (Digital Wallet) แม้จะช่วยหนุนยอดขายค้าปลีกช่วงปลายไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ แต่คาดว่าผู้บริโภคน่าจะนำเงินดิจิทัลที่ได้จากภาครัฐมาใช้จ่ายซื้อสินค้าแทนเงินของตัวเอง ทำให้ในภาพรวมของยอดขายค้าปลีกอาจจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้จ่ายสินค้าเหล่านี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัว ซึ่งต้องติดตามปัจจัยอื่น ๆ โดยเฉพาะความพร้อมของระบบการใช้งาน กรอบเวลาของโครงการว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ รวมถึงเงื่อนไขของมาตรการฯ ทั้งในแง่ของรายการสินค้าและร้านค้าที่เข้าร่วม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ยอดขาย Modern Trade ในปี 2568 โต 4.8% แต่รายได้ของผู้ประกอบการแต่ละ Segment จะฟื้นตัวต่างกัน
– กลุ่มที่ดีขึ้นกว่าช่วงโควิด ได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากเน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
– กลุ่มที่ทยอยฟื้นตัวแต่ยังไม่กลับไปเท่ากับช่วงก่อนโควิด ได้แก่ ร้านขายปลีกเสื้อผ้า/รองเท้า ร้านขายปลีกเฟอร์นิเจอร์ และห้างสรรพสินค้า เนื่องจากจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือยหรือสินค้าที่ผู้บริโภคสามารถเลื่อนการตัดสินใจซื้อไปก่อนได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.พ. 68)
Tags: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก, ธุรกิจค้าปลีก, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ