
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น [SC] เปิดเผยว่า บริษัทปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือภูเขาอุปสรรค 3 ลูกของธุรกิจอสังหาฯ คือ หนี้ครัวเรือนสูง, อุปทานล้น, และความเชื่อมั่นต่ำ โดยสามารถสะสมที่ดินทำเลคุณภาพรองรับการเติบโตอีกไม่น้อยกว่า 3 ปีสำหรับพัฒนาโครงการหลากหลาย ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม และ คลังสินค้า
เป้าหมายและแผนธุรกิจปี 68
– ธุรกิจฟื้นตัวแข็งแกร่ง เติบโตทั้งยอดขาย รายได้ และกำไร สภาพคล่องแข็งแกร่ง สัดส่วนหนี้ต่อทุนลดลงอย่างมีนัย
– เป้าหมายยอดขาย 26,000 ล้านบาท (+4% YoY) และ รายได้รวมจากทุกกลุ่มธุรกิจ 25,000 ล้านบาท (+11% YoY) ลงทุนต่อเนื่องด้วยงบลงทุน 7,000 ล้านบาท ในธุรกิจหลากหลาย รักษาตำแหน่งผู้นำบ้านเดี่ยว เพิ่มส่วนแบ่งตลาดคอนโด และสัดส่วนกำไรจากอสังหาฯ รายได้ประจำสม่ำเสมอ
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายเตรียมโอน (Backlog) ประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 60% และแนวราบ 40% ซึ่งคาดว่า Backlog จะทยอยโอนได้ในปีนี้ 40%
Engine แรก โครงการที่อยู่อาศัย ปี 68 จะมีจำนวนทั้งหมด 96 โครงการ มูลค่ารวม 94,500 ล้านบาท เป็นโครงการใหม่ 15 โครงการ 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
แนวราบ 12 โครงการ 18,000 ล้านบาท ไฮไลต์คือแบรนด์ใหม่ SONLE บ้านเดี่ยวสไตล์ Sophisticated Modern Tropical ราคาเริ่มต้น 200 ล้านบาท และ บ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ 2025 จากแบรนด์ Bangkok Boulevard
คอนโด 3 โครงการ 10,000 ล้านบาท ครบเซกเมนต์ ภายใต้แบรนด์ Reference และ COBE ต่อยอดความสำเร็จคอนโด SC สะท้อนจากยอดขาย Reference เอกมัย ที่สร้างยอดขายได้ถึง 80% ในช่วงแรกของการเปิดตัว และจะมีแบรนด์ใหม่เปิดตัวปลายปี ทำเลติดถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้าพร้อมพงษ์
Engine 2 โครงการที่สร้างรายได้ประจำ ณ ปลายปี 68 จะมีจำนวนโครงการรวมทั้งหมด 19 โครงการ จาก 4 ธุรกิจ ได้แก่ โรงแรมรวม 545 ห้อง, คลังสินค้าให้เช่ารวม 200,000 ตารางเมตร, อาคารสำนักงาน 120,000 ตารางเมตร และอพาร์ตเมนต์เพื่อเช่าในสหรัฐอเมริกา 5 อาคาร
ไฮไลต์ปีนี้ คือ โรงแรมใหม่ 2 ทำเลที่จะเปิดตัวไตรมาส 2/68 คือ KROMO, Curio Collection by Hilton ทำเลติดถนนสุขุมวิท ตรงข้ามห้าง EmSphere และ The Standard หนึ่งเดียวในพัทยา ติดหาดนาจอมเทียน และคลังสินค้าเพื่อเช่า 3 โครงการใหม่ ในทำเล บางนา กม. 20, แหลมฉบัง และ นิคมอมตะ ชลบุรี
“ปี 68 ที่ท้าทายนี้ SC จะปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจฟื้นแข็งแกร่งกำไรเติบโต ลงทุนอย่างรอบคอบ และกระจายความเสี่ยงในธุรกิจที่หลากหลาย รักษาความเชื่อมั่นของแบรนด์ผ่านมาตรฐานสินค้าคุณภาพสูงและบริการที่อบอุ่น รวมทั้งตั้งเป้าหมายลด GHG รวมกัน >100,000 ตันคาร์บอน ในปี 68-73 เพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป” นายณัฐพงศ์ กล่าว
นายณัฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมีแผนจะขยายพอร์ตธุรกิจกลุ่ม Engine 3 ซึ่งจะเป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่นอกธุรกิจอสังหาฯ โดยอยู่ระหว่างเตรียมจัดตั้งบริษัทและศึกษาในหลายธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต คาดว่าจะเริ่มลงทุนในปี 69 พร้อมกับมีแผนประกาศรีแบรนด์ดิ้งครั้งแรกในรอบ 18 ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงขององค์กรในช่วงครึ่งหลังปี 68
“ช่วงแรกของกลุ่ม Engine 3 จะประกอบไปด้วยธุรกิจบริการอสังหาฯ ทั้งหมด รวมทั้ง Utility Token และ Ruejai App เข้ามาอยู่ใน Engine นี้ และปีถัดไปจะลงทุนในธุรกิจใหม่ ทั้งนี้ Engine 2 ซึ่งเป็นอสังหาฯ รายได้ประจำ และ Engine 3 ธุรกิจใหม่ จะมีสัดส่วนมากขึ้นและ ขับเคลื่อนยอดขายและรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต โดยตั้งเป้าจากทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจ จะมี EBITDA margin ไม่ต่ำกว่า 25% ในช่วง 3-5 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 20%
บริษัทยังเดินหน้าตามแผนสร้างรายได้สะสมรวมช่วง 5 ปี (ปี 66-70) พุ่งสู่ระดับ 1.5 แสนล้านบาท โดยมีรายได้และยอดขายมากกว่า 30,000 ล้านต่อปี มีสมดุลหรือมีกำไรจากธุรกิจที่หลากหลาย มีสุขภาพทางการเงินที่ดี โดยบริษัทมีสภาพคล่องรองรับการเติบโตมากกว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมีพันธมิตรร่วมทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงแผนการปรับโครงสร้างต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม ปรับโครงสร้างองค์กร เพิ่มความคล่องตัว ส่งผลให้ภายในปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาอยู่ในระดับปกติที่เคยทำได้ 29-30%
นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ในปี 68 ยังมีความท้าทายต่อเนื่องจากปี 67 ซึ่งบริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาตั้งแต่ไตรมาส 1/67 ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้น 20% ทุกไตรมาส โดยปีที่ผ่านมามีความผันผวนเพิ่มขึ้นมาจากประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายสงครามการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการต่างชาติมองหาแหล่งผลิตใหม่ หนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Logistic ดีขึ้น รวมทั้งการเติบโตภาคการท่องเที่ยวในไทยที่สูงขึ้น หนุนให้ธุรกิจโรงแรมและ Logistic เป็นดาวรุ่งในปีนี้
“ปีนี้ยอดขายบ้านเดี่ยวไม่น่าจะมีการเติบโต ด้วยสภาวะปัจจุบัน แม้ว่าเราจะอยู่ในกลุ่ม 10 ล้านขึ้นไป แข็งแรงกว่ากลุ่มอื่น แต่ตลาด Oversupply ทุกราคาซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีถึงจะกลับมาขายได้ปกติ วันนี้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องการมาตรการจากภาครัฐอย่างมาก”นายณัฐพงศ์ กล่าว
นายณัฐพงศ์ กล่าวถึงมาตรการภาครัฐที่อยากให้เกิดขึ้น ในระยะสั้น คือ มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ซึ่งปี 67 ที่ผ่านมามีมาตรการลดค่าโอนและค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท คิดว่าปีนี้ควรต้องกระตุ้นอย่างมากและควรลดค่าโอนและจดจำนองทุกระดับราคา และควรจะมีการสนับสนุนการกู้ หรือสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยกู้มากขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการ LTV
นอกจากนี้หนุนให้มีมาตรการดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่การกระตุ้นภาคอสังหาฯ โดยตรง แต่มันคือการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทยด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.พ. 68)
Tags: SC, ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, หนี้ครัวเรือน, เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น