
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ทั่วประเทศจำนวน 337 นาย ในหัวข้อ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” โดยกล่าวว่า ข้าราชการตำรวจล้วนแต่เป็นผู้ที่มีความสำคัญต่อการกำหนดทิศทาง และยกระดับการบังคับใช้กฎหมายของกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยให้เป็นไปอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา
ซึ่งหลักนิติรัฐ นิติธรรม (Rule of Law) เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยเน้นย้ำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ความท้าทายใหม่ ๆ ทั้งในด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม รวมไปถึงอาชญากรรมรูปแบบอื่นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เตรียมความพร้อม พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อวางกลยุทธ์ ปรับรูปแบบการทำงานให้สามารถรับมือ และปราบปรามอาชญากรรมรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องของยาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทุกคนมีโอกาสเป็นผู้เสียหายได้ เพราะอาชญากรใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อการเข้าถึง และหลอกลวงประชาชน
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยการตัดกระแสไฟฟ้าตามแนวชายแดนในบริเวณที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรม พร้อมกับดำเนินมาตรการ Seal Stop Safe ในพื้นที่ 51 อำเภอชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย ควบคู่ไปกับการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมให้หมดไปจากสังคมไทย ทั้งยาเสพติด และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพราะสิ่งเหล่านี้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างต่อพี่น้องประชาชน และยังกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์ของประเทศในระดับนานาชาติ
“ขอให้ตำรวจทุกคนมั่นใจว่า ความตั้งใจในการปฏิบัติงาน เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ในทุกมิติ โดยเฉพาะในด้านการเสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี และการข่าวกรอง รวมไปถึงการสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาอุปกรณ์จำเป็นที่ต้องใช้ในการปฏิบัติภารกิจ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ พร้อมเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรตำรวจให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะภัยคุกคามทางเทคโนโลยีที่มิจฉาชีพใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวงประชาชน
พร้อมทั้งขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มศักยภาพด้านเทคโนโลยี และผลักดันการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้การดำเนินคดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การยึดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดที่ถูกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัล หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ และย้ำถึงความร่วมมือระดับนานาชาติ โดยขอให้ตำรวจไทยประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน และองค์กรต่าง ๆ เช่น Interpol Europol และ ASEANAPOL เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและฝึกอบรมร่วมกัน อันจะช่วยเสริมศักยภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
สำหรับมาตรการภายในองค์กร นายกรัฐมนตรี กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการทางวินัยอย่างเข้มงวดต่อข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เพื่อสร้างความโปร่งใส และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยนายกรัฐมนตรี มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยและมั่นคงให้กับประชาชนทุกคน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.พ. 68)

