ผลสำรวจชี้ ผู้บริโภคมะกันเริ่มกักตุนสินค้า หลังทรัมป์ขู่รีดภาษีนำเข้า

รายงานจาก CreditCards.com ที่เผยแพร่ในวันอังคาร (18 ก.พ.) แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกัน 1 ใน 5 คนซื้อสินค้ามากกว่าปกติ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับราคาสินค้าที่อาจพุ่งสูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การขึ้นภาษีนำเข้ามีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นหรือขึ้นราคาสินค้า ทั้งยังอาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อในวงกว้าง เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบและส่วนประกอบจากต่างประเทศ

สำหรับผู้บริโภค ความกังวลเรื่องราคาสินค้าพุ่งสูงก่อให้เกิดพฤติกรรมการกักตุนสินค้า โดยเฉพาะอาหารที่เน่าเสียยาก กระดาษชำระ และเวชภัณฑ์ เพราะต้องเร่งซื้อสินค้าก่อนที่ต้นทุนสินค้าจะพุ่งสูงขึ้นอีก

รายงานระบุว่า เมื่อถามถึงผลกระทบของมาตรการภาษีของทรัมป์ที่มีต่อการซื้อสินค้าที่มีราคาแพง ผู้ตอบแบบสำรวจ 22% ระบุว่าส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ 30% ระบุว่ามีผลกระทบในระดับหนึ่ง

ผู้ตอบแบบสำรวจ 1 ใน 5 คนระบุว่า การซื้อสินค้าในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นการใช้จ่ายแบบ “Doom Spending” หรือการซื้อสินค้ามากเกินไปหรือตามอารมณ์เนื่องจากความไม่แน่นอนหรือความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต ซึ่งมักเกิดจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือความกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางการเงิน

ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสำรวจ 23% คาดว่าจะเริ่มเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือเป็นหนี้บัตรเครดิตมากขึ้นในปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.พ. 68)

Tags: , , ,
Back to Top