ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ม.ค.68 ฟื้นได้แรงหนุนส่งออก-ท่องเที่ยว-มาตรการกระตุ้นใช้จ่าย

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ม.ค.68 อยู่ที่ระดับ 91.6 เพิ่มขึ้นจากระดับ 90.1 ในเดือน ธ.ค.67 ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกขยายตัวจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเร่งนำเข้าเพื่อสต็อกสินค้า โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม)

อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 (ช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ.68) คาดว่าจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 70,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการโอนเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป วงเงินกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามามากถึง 532,853 คนในเดือนม.ค.68 ประกอบกับภาครัฐลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 33 บาท/ลิตร (1 ม.ค.-31 มี.ค.68), การปรับลดค่าไฟฟ้า มาอยู่ที่ 4.15 บาท/หน่วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ และกฎระเบียบ และมาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันและการส่งออกสินค้าของไทย นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสุขภาพของประชาชน ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้กำลังซื้อฟื้นตัวช้า อีกทั้งยอดขายรถยนต์ยังฟื้นตัวได้ช้า จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน และการแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

สำหรับมาตรการรองรับผลกระทบจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นหน้าที่ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากมีการจัดตั้งวอร์รูมที่ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยมีข้อมูลที่จะนำไปเจรจาต่อรองกับทางสหรัฐฯ ให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น

นายอภิชิต กล่าวถึงแนวทางที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.5% ตามที่รัฐบาลต้องการนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งยกเลิกกฎหมายจำนวนมากที่เป็นอุปสรรคต่อระบบเศรษฐกิจ และดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ ส.อ.ท.ก็จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น

ทั้งนี้ ภาคเอกชนมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ดังนี้

1.เสนอให้ภาครัฐชะลอการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตเกินความต้องการในบางอุตสาหกรรม และเน้นส่งเสริมการลงทุนที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุน

2.เสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการส่งเสริมการบริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศ ทั้งการเพิ่มการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ส่งเสริมการขยายตลาดในภาคเอกชน

3.เสนอให้ภาครัฐเร่งเปิดเสรีในกิจการไฟฟ้า และจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเปิดเสรี โดยปรับปรุงกฎหมายเพื่อเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าแก่บุคคลที่ 3 เป็นการทั่วไป โดยเน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดที่ได้ดำเนินการแล้ว

4.เสนอให้ภาครัฐใช้มาตรการทางการค้าอื่น ๆ นอกเหนือจากมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เพื่อให้การปกป้องผู้ประกอบการในประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับสถานการณ์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.พ. 68)

Tags: , , , , , ,
Back to Top