STA เปิดงบปี 67 รายได้ทะลุ 1.1 แสนลบ.รับอานิสงส์ราคายางสูง พร้อมดันปริมาณขายยางโตต่อเนื่อง

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี [STA] เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 เป็นไตรมาสที่เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 33,256.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.2% จากไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 854.3 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 62.5% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากราคายางธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้นและการผลักดันการขายอย่างเต็มที่ ประกอบกับปีนี้บริษัทฯ มีวัตถุดิบเพียงพอ ไม่มีปัญหาการขาดแคลนจากปรากฏการณ์เอลนีโญเช่นปีที่ผ่านมา

ส่งผลให้มีปริมาณการขายยางธรรมชาติรวมทุกประเภท 386,956 ตัน เพิ่มขึ้น 23.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ในจำนวนนี้เป็นการขายและส่งมอบยาง EUDR 68,867 ตัน เพิ่มขึ้น 9.7% จากไตรมาสก่อนหน้า (ช่วงเดียวกันของปีก่อนยังไม่มีการขายยาง EUDR) รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากราคาขายยางธรรมชาติเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 7 ไตรมาส อยู่ที่ 196.6 เซนต์ต่อกิโลกรัม

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานปี 67 รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 114,373.7 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,670.4 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุน 434.4 ล้านบาทในปีก่อน มีปริมาณการขายยางธรรมชาติรวมทุกประเภท 1.4 ล้านตัน (เมื่อรวมปริมาณน้ำยางข้นที่ขายให้ STGT จะอยู่ที่ 1.6 ล้านตัน) เพิ่มขึ้น 8.3% จากปีก่อน ในจำนวนดังกล่าวเป็นยาง EUDR ที่มีมูลค่าสูงกว่ายางทั่วไป 133,163 ตัน โดยเริ่มส่งมอบแก่ลูกค้าตั้งแต่ไตรมาส 2/2567

ขณะที่ธุรกิจถุงมือยางมีปริมาณการขายรวมทั้งปี 38,549 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 22.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทฯ เนื่องจากดีมานด์ทั่วโลกที่ฟื้นตัวและสต๊อกสินค้าของลูกค้าและผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในประเทศต่างๆ กลับสู่ภาวะปกติ และได้รับปัจจัยเชิงบวกจากการที่ประเทศสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าถุงมือยางทางการแพทย์และถุงมือผ่าตัดจากจีน รวมถึงการออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดของบราซิล ซึ่งบริษัทฯ มีภาระภาษีต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับผู้ผลิตจากประเทศอื่นๆ อาทิ จีน มาเลเซีย ฯลฯ

นายวีรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยางพาราปีนี้ คาดว่าราคายางเฉลี่ยจะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีราคาเฉลี่ยทั้งปี 174.3 เซนต์ต่อกิโลกรัม โดยราคายาง TSR20 ณ ตลาด SICOM เดือนมกราคม 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 193.8 เซนต์ต่อกิโลกรัม ใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2567 และสถานการณ์ล่าสุดราคายางเฉลี่ยถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ยังคงสูงกว่า 190 เซนต์ต่อกิโลกรัม ขณะที่ความต้องการใช้ยางธรรมชาติจากอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ยางล้อ, ถุงมือยาง ฯลฯ คาดว่ายังเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยเริ่มเห็นการฟื้นตัวของดีมานด์จากจีนที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ยาง EUDR อาจชะลอตัวบ้าง เนื่องจากสหภาพยุโรปเลื่อนการบังคับใช้ข้อกำหนด EUDR เป็น ณ สิ้นปี 2568 จากสิ้นปีที่ผ่านมา

ขณะที่บริษัทฯ มีเป้าหมายเพิ่มปริมาณการขายยางธรรมชาติรวมทุกประเภทในปี 2568 ให้มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1.6 ล้านตัน (รวมปริมาณขายน้ำยางข้นให้ STGT) ควบคู่กับการเพิ่มส่วนแบ่งยางธรรมชาติในตลาดโลก โดยเพิ่มศักยภาพการรับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรและผู้ค้ายางผ่านแอปพลิเคชัน Sri Trang Friends, Sri Trang Friends Station และ Super Driver เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการยางธรรมชาติ

“เราได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำงานและกระบวนการผลิตในโรงงาน เพื่อขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นและเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการดำเนินนโยบาย ESG เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนส่งเสริมการทำยางไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งดำเนินการอย่างเป็นระบบตั้งแต่จุดเริ่มต้นวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ไปจนถึงการส่งมอบวัตถุดิบ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยางไทยอย่างยั่งยืนในระดับสากล “

นายวีรสิทธิ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.พ. 68)

Tags: , , ,
Back to Top