CIVIL ชูกลยุทธ์ FAST ดันรายได้ปี 68 แตะ 7 พันลบ.อัพมาร์จิ้นขึ้นเป็น 6-8% เป้ากวาด Backlog เพิ่มทะลุ 7 พันลบ.

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง [CIVIL] เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2568 บริษัทวางแผนการดำเนินงานด้วยกลยุทธ์ FAST เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ มุ่งเน้นสร้างการเติบโตทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างแข็งแกร่ง ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตแตะ 7,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่คาดว่าจะเซ็นสัญญาเพิ่มอีกกว่า 7,000 ล้านบาท รวมถึงเพิ่มความสามารถการทำกำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 6-8%

ณ สิ้นปี 67 บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ราว 24,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่เซ็นสัญญาแล้ว 14,300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปี 71

ขณะที่ปี 68 มีปัจจัยหนุนจากงานโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐที่จะออกมาต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมทั้งบริษัทมีแผนจะลุยงานเอกชนมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการร่วมงานกับผู้รับเหมาช่วง (Subcontractor) เชื่อว่าจะหนุนให้ภาพรวมการดำเนินงานปี 68 เติบโตได้ตามเป้า

นายปิยะดิษฐ์ กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างปีนี้ภาคเอกชนยังเหนื่อย เนื่องจากการลงทุนต่าง ๆ ชะลอตัว แต่บางเซ็คเตอร์ระดับ High end รวมทั้งงานก่อสร้างโรงงาน และนิคมอุคสาหกรรมที่ยังพอเติบโตได้ ส่วนภาครัฐมีการลงทุนชัดเจน โดยเฉพาะงานเมกะโปรเจ็คต่าง ๆ

บริษัทเตรียมความพร้อมเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ งาน Highway มูลค่าโครงการโดยรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูง 30,000 ล้านบาทโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท และโครงการอื่น ๆ กว่า 10,200 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์ FAST ประกอบด้วย Family, Attitude, Safety/Sustainability และ Tenacity เป็นแนวคิดหลักของการทำงานครอบคลุมทั้งระบบการทำงานที่รวดเร็วและมีคุณภาพ เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ โดยเน้นการสร้างความผูกพันในองค์กร การมีทัศนคติเชิงบวก การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความยั่งยืน การทำงานอย่างมุ่งมั่นและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ CIVIL ยังคงมุ่งเน้นการบริหารกระแสเงินสดในทุกขั้นตอนดำเนินงาน โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารจัดการโครงการ อาทิ โปรแกรม Power BI และระบบ RPA เพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง การติดตามความคืบหน้าของงาน การบริหารงบประมาณ และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลให้บริษัทสามารถส่งมอบงานได้ตรงตามแผนที่กำหนดไว้และมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น

อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการก่อสร้าง ความปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลพันธมิตรทางธุรกิจ ให้มีฐานะทางการเงินที่ดี มีความพร้อมในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

“บริษัทเล็งเห็นโอกาสการเติบโตจากโครงการภาครัฐและเอกชนที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการถนน โครงการพลังงาน โครงการท่าอากาศยาน ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการเข้ารับงานขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ รวมถึงเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย ประกอบกับกลยุทธ์ FAST ที่เข้ามาส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน เชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.พ. 68)

Tags: , , ,
Back to Top