“มนพร”สั่งเร่งปรับโฉมสนามบินใต้ ยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางการบินภูมิภาค

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของศูนย์ควบคุมการบินหาดใหญ่ และการดำเนินงานของกรมท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และท่าอากาศยานชุมพร สั่งการ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เร่งพัฒนาท่าอากาศยานในภาคใต้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับอากาศยาน และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

นางมนพร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่าง บวท. และบมจ. ท่าอากาศยานไทย [AOT] ได้มอบให้ บวท. จัดทำแผนแม่บทในการแก้ไขปัญหาทางกายภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามาถในการรองรับอากาศยาน โดยมีแผนสร้างทางขับขนานใหม่เพื่อให้มีระยะห่างได้ตามมาตรฐาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2578 เพื่อเป็นแนวทางบรรเทาปัญหาของ บวท. รวมทั้งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการใช้งานทางวิ่งโดยลดเวลาการใช้งานทางวิ่ง/ทางขับ โดยทำงานร่วมกับท่าอากาศยานหาดใหญ่ สายการบิน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ

นอกจากนี้ ได้กำชับให้ บวท. เร่งรัดการดำเนินงานแผนพัฒนาบุคลากรและโครงการสำคัญเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคให้แล้วเสร็จตามแผน ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม ATC ภายในปี 2568 โครงการจัดหา Digital Remote Tower ณ สนามบินหาดใหญ่ ตรัง นราธิวาส ภายในปี 2570 และโครงการศึกษาการจัดตั้งที่ขึ้น/ลง ชั่วคราว บนพื้นน้ำ และการให้บริการ Seaplane บริเวณแหลมตาชี ปัตตานี ภายในปี 2569 – 2570

ในส่วนของการดำเนินงานของกรมท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และท่าอากาศยานชุมพร โดยท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี มีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 4,100 – 4,700 คนต่อวัน จาก 28 – 32 เที่ยวบินต่อวัน และมีจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 12.84% เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2567 และปีงบประมาณ 2568 (ช่วงเดือนตุลาคม 2567 – มกราคม 2568) ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช มีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 2,800 – 3,500 คนต่อวัน จาก 20 เที่ยวบินต่อวัน

นอกจากนี้ นางมนพร ได้สั่งการให้ ทย. จัดพื้นที่ให้บริการผู้โดยสารให้คล่องตัว มีความสะดวกรวดเร็ว ลดความแออัดของผู้โดยสาร บริเวณจุด Check in การลำเลียงกระเป๋า ความสะอาดบริเวณภายในท่าอากาศยาน รวมถึงให้จัดเตรียมพื้นที่และจัดระเบียบบริการขนส่งสาธารณะภายในท่าอากาศยานให้ไม่ติดขัด กำหนดจุดจอดรับ – ส่ง และเวลาในการจอดให้ชัดเจน พร้อมจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอกับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะไปยังสถานที่ภายในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอย่างไร้รอยต่อ

รวมถึงการจัดกิจกรรมภายในท่าอากาศยานตามแนวคิด “สนามบินมีชีวิต” เพื่อประชาสัมพันธ์จุดเด่นการท่องเที่ยวและการสร้างอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งการพัฒนาท่าอากาศยานไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะได้รับการส่งเสริมให้ขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสร้างงานในหลากหลายสาขา เช่น การโรงแรม การบริการ การขนส่งอีกด้วย ทั้งนี้ นางมนพร ได้เน้นย้ำเรื่องการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกำกับดูแล เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย และเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ มุ่งสู่การเป็นฮับการบินตามนโยบายของรัฐบาล

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.พ. 68)

Tags: , ,
Back to Top