นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ก.พ.68 อยู่ที่ระดับ 72.67 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 4.36 จุด หรือ 6.39% จากระดับ 68.31 จุดในเดือน ม.ค.68
ปัจจัยหนุนให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย นโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของเงินบาท
สำหรับคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน ก.พ.68 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 341 ราย ในจำนวนนี้มี 132 ราย หรือ 39% คาดว่าจะไม่ซื้อทองคำ ส่วนจำนวน 110 ราย หรือ 32% คาดว่าจะซื้อทองคำ และจำนวน 99 ราย หรือ 29% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 13 ราย ในจำนวนนี้มี 10 ราย หรือ 77% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือน ก.พ.68 จะเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 3 ราย หรือ 23% คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน ม.ค.68 และไม่มีใครคาดว่าราคาทองคำจะลดลง
โดยคาดการณ์กรอบราคาทองคำในเดือน ก.พ.68 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้ ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) ให้กรอบเฉลี่ย 2,749-2,965 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบาททองคำละ 44,250-47,750 บาท และค่าเงินบาทเฉลี่ย 33.34-34.62 บาท/ดอลลาร์
คำแนะนำการลงทุนทองคำในเดือน ก.พ.68 ยังคงต้องพิจารณาจากปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะแนวโน้มการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้นักลงทุนควรติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางราคาทองคำ ซึ่งการใช้กลยุทธ์เข้าซื้อทองคำเมื่อราคาทองคำอยู่ในระดับแนวรับสำคัญ และทยอยขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำแตะระดับแนวต้าน โดยกำหนดจุดหยุดขาดทุนที่ชัดเจนจะช่วยให้สามารถลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนในทองคำ รวมทั้งป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดทองคำ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 68)
Tags: ค่าเงินบาท, ดัชนีทองคำ, นโยบายทรัมป์, พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล, ราคาทองคำ, ศูนย์วิจัยทองคำ, เศรษฐกิจโลก