วงในเผย “สี จิ้นผิง” เตรียมเป็นประธานประชุมสัมมนาภาคเอกชน, เชิญ “แจ็ค หม่า” ร่วมด้วย

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน (ภาพ: thaigov.go.th)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (14 ก.พ.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน มีแผนที่จะเป็นประธานในการประชุมสัมมนาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในสัปดาห์หน้า การประชุมนี้จะมีผู้นำทางธุรกิจของประเทศเข้าร่วม ซึ่งรวมถึง แจ็ค หม่า ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา (Alibaba)

การที่ปธน.สีเป็นประธานในการประชุมเกี่ยวกับภาคเอกชนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก และการจัดงานประชุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายหลายประการที่ภาคธุรกิจของจีนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ทั้งความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นกับสหรัฐฯ ในยุคปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ตลอดจนการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศจีนที่ชะลอตัวลง

แหล่งข่าวเผยว่า ผู้ประกอบการจำนวนมากที่เข้าร่วมการประชุมจะมาจากภาคเทคโนโลยี และคาดว่า ปธน.สีจะผลักดันให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ขยายธุรกิจของตนเองทั้งในและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น

แหล่งข่าวระบุด้วยว่า การประชุมดังกล่าวมีแนวโน้มจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (17 ก.พ.) และมีแนวโน้มสูงว่า ผู้นำระดับสูงจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนหลายแห่งจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว อาทิ โพนี หม่า ซีอีโอเทนเซ็นต์ (Tencent) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน, เหลย จวิน ซีอีโอของเสียวหมี่ (Xiaomi) ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและรถยนต์ไฟฟ้า, หวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งอวี่ชู่ เทคโนโลยี (Yushu Technology) บริษัทด้านหุ่นยนต์ เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้บริหารจากหัวเว่ย เทคโนโลยี่ (Huawei Technologies) ก็คาดว่าจะเข้าร่วมด้วย

หลังมีข่าวดังกล่าว หุ้นเสียวหมี่พุ่งขึ้น 7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หุ้นอาลีบาบาปรับขึ้น 6% ใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ส่วนหุ้นเทนเซ็นต์ก็เพิ่มขึ้น 6% เช่นกัน

ทั้งนี้ ปธน.สีเคยเป็นประธานในการประชุมสัมมนาภาคเอกชนครั้งสำคัญเมื่อปลายปี 2561 ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่เขาขึ้นสู่อำนาจ ในครั้งนั้น ปธน.สีให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนบริษัทเอกชน โดยสัญญาว่าจะลดภาษีและสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เท่าเทียม พร้อมยืนยันว่าภาคเอกชนจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้

ขณะเดียวกัน การที่แจ็ค หม่า จะเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่กำลังจะจัดขึ้นนี้ อาจช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในแวดวงธุรกิจได้

แจ็ค หม่า นักธุรกิจผู้เคยโด่งดัง แทบจะหายตัวไปจากสายตาของสาธารณชน นับตั้งแต่ทางการระงับการเสนอขายหุ้น IPO ของแอนท์กรุ๊ป (Ant Group) บริษัทฟินเทคของเขาในปี 2563 อันเป็นผลมาจากสุนทรพจน์ที่เขาได้กล่าวในปีเดียวกันนั้นวิพากษ์วิจารณ์ระบบกำกับดูแลของจีน

หลังจากนั้น อาณาจักรธุรกิจของแจ็ค หม่า และวงการเทคโนโลยีโดยรวมต่างถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลจีน การที่เขาหายหน้าไปจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของชะตากรรมที่พลิกผันของภาคเอกชนจีน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 68)

Tags: , ,
Back to Top