รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มปลดพนักงานหลายพันคนจากหน่วยงานของรัฐหลายแห่งเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปฏิรูประบบราชการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ กำลังเร่งผลักดัน ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อ้างอิงแหล่งข่าวจากสหภาพแรงงานและพนักงานที่เกี่ยวข้อง
กระทรวงกิจการทหารผ่านศึก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลสุขภาพของทหารผ่านศึก แจ้งว่าได้ปลดพนักงานที่อยู่ในช่วงทดลองงานออกไปแล้วกว่า 1,000 คน ขณะที่สำนักงานบริการป่าไม้แห่งสหรัฐฯ มีแผนจะปลดพนักงานอีกกว่า 3,000 คน
ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการส่งอีเมลแจ้งเลิกจ้างไปยังพนักงานของรัฐทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่เพิ่งเข้าทำงานและยังอยู่ในช่วงทดลองงาน หน่วยงานที่มีการปลดพนักงาน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักงานธุรกิจขนาดย่อม, สำนักงานคุ้มครองด้านการเงินของผู้บริโภค และองค์การบริหารงานทั่วไป ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลอาคารของรัฐบาลกลางจำนวนมาก
การปฏิรูประบบราชการของปธน.ทรัมป์และมัสก์ (ซีอีโอของเทสลา) กำลังขยายวงกว้างออกไป โดยเห็นได้จากการที่ทีมงานของมัสก์ได้เข้าไปยังกรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) เป็นครั้งแรก ขณะเดียวกัน สถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกก็ได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมรับมือกับการปรับลดกำลังคน
ทรัมป์ออกมายืนยันถึงความจำเป็นในการดำเนินการครั้งนี้ โดยชี้แจงว่าระบบราชการของรัฐบาลกลางมีขนาดใหญ่เกินไป และงบประมาณจำนวนมากสูญเสียไปกับความสิ้นเปลืองและการทุจริต ปัจจุบันรัฐบาลกลางมีหนี้สินสูงถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์ และขาดดุลงบประมาณถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างเห็นพ้องกันว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปฏิรูประบบราชการ
อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากตั้งคำถามถึงวิธีการที่ค่อนข้างรุนแรงของมัสก์ ซึ่งเข้ามามีอิทธิพลอย่างมากในการบริหารประเทศของปธน.ทรัมป์
ข้อมูลจากทางการระบุว่า มีข้าราชการพลเรือนประมาณ 280,000 คน ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในช่วงไม่ถึงสองปีที่ผ่านมา และส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงทดลองงาน ทำให้สามารถถูกเลิกจ้างได้ง่ายกว่า
เหตุการณ์ปลดพนักงานนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคได้เลิกจ้างข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองงานไปแล้ว 70 คน เมื่อวันอังคาร (11 ก.พ.)
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวโพลิติโก (Politico) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สำนักงานบริการป่าไม้แห่งสหรัฐฯ มีแผนที่จะปลดข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองงานจำนวน 3,400 ตำแหน่งในทุกระดับ โดยยกเว้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
ถึงแม้จะมีการเลิกจ้างเกิดขึ้น กลุ่มรัฐจำนวน 14 รัฐ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยกล่าวหาว่าปธน.ทรัมป์มอบอำนาจให้มัสก์อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และ “ให้อำนาจโดยปราศจากการตรวจสอบ” ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐสภา
โดยทั่วไปแล้ว การเลิกจ้างข้าราชการพลเรือนจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ หรือมีความประพฤติที่ไม่เหมาะสม และข้าราชการมีสิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิ์ในการอุทธรณ์ หากถูกเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควร อย่างไรก็ตาม พนักงานที่อยู่ในช่วงทดลองงานซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของการเลิกจ้างในครั้งนี้ กลับได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายที่น้อยกว่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 68)
Tags: ปลดพนักงาน, สหรัฐ, อีลอน มัสก์, โดนัลด์ ทรัมป์