ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่า จีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ ได้รวมตัวกันเป็น “สามเหลี่ยมตัวปัญหา” (Triangle of Troublemakers) ที่อาจสั่นคลอนเสถียรภาพในภูมิภาคแปซิฟิก แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังพยายามสานสัมพันธ์กับสองชาติในกลุ่มนี้ก็ตาม
พลเรือเอกซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ กล่าวว่า ทั้งสามประเทศทำการซ้อมรบร่วมทางทะเลที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับถ่ายทอดเทคโนโลยีและกระชับความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจพลิกโฉมภูมิภาคแปซิฟิกที่เคยเสรีและเปิดกว้างให้กลายเป็นภูมิภาคที่ถูกควบคุมและขัดแย้งกัน
“เราเห็นขั้วอำนาจเผด็จการที่กำลังก่อตัวขึ้น” ปาปาโรกล่าวในการประชุม Honolulu Defense Forum ในวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) พร้อมเสริมว่า สหรัฐฯ เห็นสามประเทศร่วมมือกันในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การลาดตระเวนทางอากาศร่วมกัน ไปจนถึงการแบ่งปันขีดความสามารถด้านการต่อต้านดาวเทียมและเทคโนโลยีเรือดำน้ำขั้นสูง
ปาปาโรกล่าวเสริมว่า สหรัฐฯ ยังคงมีความเหนือชั้นด้านเทคโนโลยีเรือดำน้ำ แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา รัสเซียได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีเรือดำน้ำเข้ามาในภูมิภาคแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่ารัสเซียยังไม่ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีลดเสียงเรือดำน้ำให้กับจีน แต่ก็มีการติดตั้งเซนเซอร์ใต้ทะเลจีนใต้และพื้นที่โดยรอบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปาปาโรเคยกล่าวว่า เขาจะตอบโต้ความพยายามของกองทัพจีนในการเข้ายึดครองไต้หวัน โดยจะเปลี่ยนสนามรบให้เป็น “นรก” ด้วยการใช้อากาศยานไร้คนขับ เรือ และเทคโนโลยีอื่น ๆ และยังกล่าวว่าจีนพยายามพัฒนาขีดความสามารถเพื่อผนวกรวมไต้หวันเข้ากับจีนให้ได้
“มันไม่ใช่แค่การฝึกแล้ว แต่เป็นการซ้อมรบจริง ๆ” ปาปาโรกล่าว โดยอ้างถึงจำนวนกำลังพลจีนที่เพิ่มขึ้นในการฝึกซ้อมทางทหาร จาก 6 กองพลในปี 2565 เป็น 42 กองพลในปี 2567 อีกทั้งการฝึกซ้อมที่ซับซ้อนขึ้นแสดงถึงเจตนาที่ชัดเจนและศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของกองทัพจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 68)
Tags: ภูมิภาคแปซิฟิก, สหรัฐ