พายุไซโคลน “เซเลีย” จ่อพัดถล่มศูนย์กลางส่งออกแร่เหล็กของออสเตรเลียวันนี้

ภูมิภาคพิลบารา (Pilbara) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งออกแร่เหล็กของออสเตรเลียกำลังเตรียมรับมือกับพายุเซเลีย (Zelia) ที่เป็นพายุไซโคลนโซนร้อนขนาดใหญ่ที่จะพัดขึ้นฝั่งในวันนี้ (14 ก.พ.) โดยจะส่งผลกระทบต่อท่าเรือ เหมืองแร่ และโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียคาดการณ์ว่า พายุเซเลียจะพัดขึ้นฝั่งทางทิศตะวันออกของเมืองพอร์ตเฮดแลนด์ ซึ่งเป็นท่าเรือส่งออกแร่เหล็กใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย โดยท่าเรือดังกล่าวได้ถูกปิดเมื่อต้นสัปดาห์นี้พร้อมกับท่าเรืออื่น ๆ ในภูมิภาค เนื่องจากพายุเซเลียกำลังพัดเข้าใกล้ฝั่ง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า พายุเซเลียเป็นพายุไซโคลนระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับรุนแรงที่สุดตามมาตรวัดของออสเตรเลีย

พายุไซโคลนเซเลียคาดว่าจะมีความเร็วลมสูงสุด 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (180 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใกล้ศูนย์กลางเมื่อขึ้นฝั่ง แม้ว่าจะต่ำกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ยังคงรุนแรงมากพอที่จะ ทำลายบ้านเรือน สายไฟ และหักโค่นต้นไม้

แม้ว่าภูมิภาคพิลบาราจะมีประชากรเบาบาง แต่เมืองพอร์ต เฮดแลนด์ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของภูมิภาคนี้ มีประชากรประมาณ 15,000 คน และอาจได้รับผลกระทบจากพายุโดยตรง

หลังจากขึ้นฝั่งพร้อมกับศูนย์กลางพายุที่มีพลังทำลายล้างสูง พายุไซโคลนเซเลียจะทำให้เกิดฝนตกหนักและอาจเกิดน้ำท่วม

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียคาดการณ์ว่า พายุจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ใจกลางภูมิภาคพิลบาราซึ่งเป็นศูนย์กลางการทำเหมืองแร่เหล็กของโลก และเป็นฐานปฏิบัติการของบริษัทเหมืองยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทบีเอชพี กรุ๊ป (BHP Group) และบริษัทริโอ ทินโต กรุ๊ป (Rio Tinto Group)

ทั้งนี้ สินแร่เหล็กเป็นแหล่งรายได้สำคัญของออสเตรเลีย โดยคิดเป็น 21% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมดในปีที่สิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย. 2567 คิดเป็นมูลค่า 1.38 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (8.72 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)

สำนักงานอุตุนิยมฯ ระบุว่า หากพายุไซโคลนเซเลียเคลื่อนตัวตามเส้นทางที่คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นพายุไซโคลนระดับ 5 ลูกแรกที่เคลื่อนตัวผ่านชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตกใกล้กับเมืองพอร์ตเฮดแลนด์ นับตั้งแต่พายุจอร์จ (George) พัดถล่มเมื่อปี 2550

นอกจากนี้ หากพายุเซเลียยังคงมีกำลังลมรุนแรง อาจทำให้พายุนี้ทรงพลังยิ่งกว่าพายุจอร์จและพายุไซโคลนโจนในปี 2518

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 68)

Tags: , ,
Back to Top