
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีฟื้นตัว ได้แรงหนุนหลังจากความกังวลการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐลดลงชั่วคราว เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ให้คณะกรรมการพิจารณาเรื่องการใช้ภาษีเท่าเทียม ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในเดือนเม.ย. ปีนี้ ซึ่งเลื่อนออกไปจากเดิมที่ตลาดกังวลว่าจะเกิดเร็วกว่านี้ ทำให้มี Sentiment บวกกับบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคและตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ในประเทศมีสัญญาณที่ดี หลังจากกระทรวงการคลังพิจารณาโยกเงินจากกองทุน LTF ที่ครบอายุมายังกอง ThaiESG กองใหม่ แม้รายละเอียดต้องติดตามต่อ แต่ระยะสั้นเริ่มมีสัญญาณบวกให้เห็นเล็ก ๆ โดยแรงขาย LTF เริ่มชะลอลง ซึ่งเมื่อวานนี้แรงขาย LTF ประมาณ 648 ล้านบาท ลดลงจากต้นสัปดาห์ที่ประมาณ 926 ล้านบาท หากมีความชัดเจนในรายละเอียดมากขึ้นน่าจะทำให้แรงขาย LTF ค่อย ๆ ลดแรงกดดันลงตามลำดับ นอกจากนี้ช่วงนี้นักลงทุนติดตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยราคาหุ้นปรับลงมาค่อนข้างมากแล้ว และถ้าแรงขาย LTF ลดลง ประกอบกับแรงซื้อต่างชาติระยะหลังเริ่มฟื้นกลับเข้ามามากขึ้น ตลาดน่าจะยืนสร้างฐานสลับฟื้นตัวได้
โดยให้กรอบแนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (13 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,711.43 จุด เพิ่มขึ้น 342.87 จุด หรือ +0.77%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,115.07 จุด เพิ่มขึ้น 63.10 จุด หรือ +1.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,945.64 จุด เพิ่มขึ้น 295.69 จุด หรือ +1.50%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,419.25 จุด ลดลง 42.22 จุด หรือ -0.11%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงที่ระดับ 22,027.07 จุด เพิ่มขึ้น 212.70 จุด หรือ +0.98% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,328.48 จุด ลดลง 4 จุด หรือ -0.12%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ก.พ.) ที่ 1,284.11 จุด เพิ่มขึ้น 0.14 จุด (+0.01%) มูลค่าซื้อขาย 53,183.40 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (13 ก.พ.) 983.27 ล้านบาท
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(13 ก.พ.) ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.11% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ก.พ.) อยู่ที่ 4.31 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.68 แนวโน้มแกว่ง sideway ทางแข็งค่า จับตาราคาทอง-ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
– “พิชัย” รองนายกฯ และรมว.คลัง เล็งตั้งกอง Thai ESG ใหม่ 2 (Thai ESG 2) รองรับเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) กว่า 2 แสนล้านบาท จ่อลงทุนหุ้นไทย 100% ถือครอง 5 ปี ด้าน บล.กรุงศรี ย้ำไม่ว่ากองทุน LTF จะถูกนำกลับมาในรูปแบบใด ประเมินว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย
– “ค่ายรถญี่ปุ่น” เรียก ความเชื่อมั่นตลาดไทย “มาสด้า” ประกาศแผนลงทุน 5,000 ล้านบาท ตามมาตรการส่งเสริม HEV/MHEV หนุนไทยฐานผลิตรถยนต์ B-SUV ตั้งเป้าผลิต 1 แสนคันต่อปี หลังจากมิตซูบิชิ-อีซูซุ-โตโยต้า ทยอยเพิ่มลงทุน “คลัง” สั่ง บสย.ค้ำประกันเช่าซื้อรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชง ครม.เห็นชอบใน 4 เดือน ส.อ.ท.คาดหนุนยอดขายกระบะเพิ่มขึ้น 10-15%
– ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวของตลาดไทยเที่ยวไทย เดือน ก.พ. 68 คาดว่าการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งทางด้านจำนวนและรายได้ โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย 16.45 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 2% ก่อให้เกิดรายได้ทางการท่องเที่ยว ประมาณ 81,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%
– รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากปัญหาในปัจจุบันการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถเชิงพาณิชย์ที่ประชาชนใช้เป็นเครื่องมือในการทำมาหากินนั้นมีการปล่อยสินเชื่อน้อยลง ซึ่งแนวทางที่กำลังพิจารณาในขณะนี้คือให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) อาจเข้ามาช่วยในส่วนนี้ ที่ผ่านมาบสย.จะช่วยค้ำประกันเงินกู้ให้ที่ประมาณ 30% ซึ่งตรงนี้ต้องพิจารณาว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันได้มากน้อยเพียงใด โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอให้กระทรวง การคลังพิจารณา คาดว่าจะเสนอให้ครม.พิจารณาภายใน 4 เดือน
– อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคว่า เดือน ม.ค.68 ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และสูงสุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.67 ส่วนดัชนีการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้านหลังใหม่ ซื้อรถยนต์ การท่องเที่ยว ก็ดีขึ้นเช่นกัน หลังจากเศรษฐกิจไทยซึมตัวยาวช่วงที่ผ่านมา เพราะไม่มีการใช้งบประมาณภาครัฐมาตั้งแต่เดือน เม.ย.66-เม.ย.67 แต่เมื่อรัฐบาลเริ่มใช้จ่ายเงินงบประมาณ เศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้น แต่ก็เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปี ทำให้เศรษฐกิจซึมตัวอีกครั้ง ขณะเดียวกันสถานการณ์ทางการเมืองที่ค่อนข้างนิ่งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคคลายความกังวลลงได้ แม้การเมืองไทยยังไม่มีเสถียรภาพมากนัก
หุ้นเด่นวันนี้
– ITC (ทรีนิตี้) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเดิม 25.40 บาท อิง EPS 2568F ที่ 1.27 บาท และ P/E ที่ 20x ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของบริษัท โดยบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลรอบ 2H67 ที่ 0.75 บาท คิดเป็น Remaining yield ถึง 4.4% สูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่ออกมานั้นถือว่าต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ 19% จาก Gross margin ที่อ่อนตัวลง และ SG&A ที่ปรับสูงขึ้น ยังคงคาดการณ์กำไรปี 2568 ที่ 3.8 พันล้านบาท เติบโต 5.9% YoY แต่อาจต้องระวัง Downside จากประเด็นความเสี่ยง Global Minimum Tax ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่
– CPN (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 78.00 บาท เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ CPN แผนขยายกิจการที่ค่อนข้างดี ซึ่งจะนำมาซึ่งโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาหุ้น แม้กำไรในไตรมาส 4/67 จะชะลอตัวลงทั้ง YoYและ QoQคาดธุรกิจหลักไตรมาส 4/2567 ยังคงแข็งแกร่ง ยกเว้นธุรกิจที่อยู่อาศัย แม้ว่าอัตราการเช่าศูนย์การค้าจะลดลงเล็กน้อยเป็น 91% ในไตรมาสนี้ โดย CPN ซื้อขายที่ -1SDV ของ PER ย้อนหลัง 5 ปี และ -2SDV ของ PBV ย้อนหบัง 5 ปีจะดูไม่แพงมากนัก แต่แนวโน้มการเติบโตที่ในระดับปานกลางดังกล่าวที่ประมาณ 3% ในปี 2568-69 และ DY ที่มากกว่า 3%
– BCP (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 41.00 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/67 จะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิได้จากที่ขาดทุนในไตรมาส 3/67 หนุนจากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวดีและ crude run ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจการตลาดที่ปริมาณขายน้ำมันและค่าการตลาดต่อลิตรเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล แนวโน้มไตรมาส 1/68 ฝั่งธุรกิจโรงกลั่นจะกลับมาชะลอตัวแต่คาดว่าธุรกิจส่วนอื่น ๆ จะกลับมาฟื้นตัวได้ ทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ในสหรัฐฯ (BCPG) ที่ได้ประโยชน์จากราคาที่ปรับขึ้น OKEA ที่ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น โดยในปี 68 ภาพรวมจากมีการปิดซ่อมโรงกลั่นน้อยลง และยังมีประเด็นบวกในไตรมาส 2/68 จากธุรกิจ SAF ที่จะเริ่มเดินเครื่อง (BCP ร่วมกับ BBGI)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 68)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย