
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามในบันทึกของประธานาธิบดี (presidential memorandum) ในวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) โดยระบุแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ภายใต้แผนนี้ สหรัฐฯ จะถือว่านโยบายที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร (non-tariff policies) ของประเทศอื่น ๆ นั้น เข้าข่ายการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งสมควรถูกตอบโต้ด้วยภาษีศุลกากร โดยนโยบายที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากรเหล่านั้นรวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT และการปฏิบัติอื่น ๆ ที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการใช้ข้อจำกัดทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
“พวกเขาเก็บภาษี หรือภาษีศุลกากรจากเรา และเราก็จะเก็บจากพวกเขาบ้าง” ปธน.ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ประเทศต่าง ๆ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งสินค้าหรือสิ่งของอื่น ๆ มายังสหรัฐฯ ผ่านประเทศที่สาม พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะมีการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งรวมถึงภาษีการนำเข้ารถยนต์
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้จะยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า โฮเวิร์ด ลุตนิก ผู้ที่เขาเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้นำในการศึกษาประเด็นต่าง ๆ เพื่อกำหนดระดับภาษีศุลกากรที่เหมาะสมสำหรับแต่ละประเทศที่ได้รับผลกระทบ
ลุตนิกกล่าวในระหว่างแถลงข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ว่า เขาคาดว่าการศึกษาเหล่านี้จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 1 เม.ย. เพื่อให้ปธน.ทรัมป์สามารถตัดสินใจที่จะดำเนินการมาตรการดังกล่าวในวันที่ 2 เม.ย. ขณะเดียวกันลุตนิกกล่าวว่า ในระหว่างนี้บรรดาประเทศคู่ค้าอาจจะตัดสินใจปรับลดภาษีศุลกากรของตน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า แนวทางของรัฐบาลจะเริ่มจากการตรวจสอบประเทศที่มียอดเกินดุลการค้าสหรัฐฯ มากที่สุด หรือมีปัญหาร้ายแรงที่สุด
ปธน.ทรัมป์ได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบางรายเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกดังกล่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ โดยเขากล่าวว่า “ผมได้ตัดสินใจด้วยวัตถุประสงค์ที่เป็นธรรมว่า ผมจะเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ซึ่งหมายความว่าประเทศหนึ่งเก็บภาษีจากสหรัฐฯ เท่าใด เราก็จะเก็บภาษีจากพวกเขาเท่านั้น ไม่มากไม่น้อยกว่า”
“เป็นเวลาหลายปีที่สหรัฐฯ ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมโดยประเทศอื่น ๆ ทั้งมิตรและศัตรู” ปธน.ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า “อเมริกาได้ให้ความช่วยเหลือหลายประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยต้นทุนทางการเงินที่สูง และขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ประเทศเหล่านี้ควรจดจำสิ่งที่เราได้ทำเพื่อพวกเขา และถึงเวลาที่พวกเขาจะปฏิบัติกับเราอย่างเป็นธรรม”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภาษีศุลกากรครั้งใหม่นี้จะทำให้ราคาสินค้าสำหรับชาวอเมริกันสูงขึ้นหรือไม่ ปธน.ทรัมป์ได้โต้กลับว่า “สิ่งที่จะสูงขึ้นคือการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และราคาสินค้าอาจเพิ่มขึ้นบ้างในระยะสั้น แต่ราคาก็จะปรับตัวลดลงด้วย”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 68)
Tags: ภาษีนำเข้าสินค้า, ภาษีศุลกากร, โดนัลด์ ทรัมป์